Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การบริหารงานบุคคลของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Personnel administration of petroleum authority of Thailand

Year (A.D.)

1984

Document Type

Thesis

First Advisor

อนันต์ อิชยพฤกษ์

Second Advisor

อารยา อรรถวุฒิวรวาจก์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

บริหารธุรกิจ

DOI

10.58837/CHULA.THE.1984.347

Abstract

วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อทำการศึกษาถึงหลักการและวิธีการจัดระบบการบริหาร ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ในงานบุคคลของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจซึ่งเกิดขึ้นใหม่โดยการรวมตัวกันของรัฐวิสาหกิจหลายหน่วยงาน จึงมีเอกลักษณ์เฉพาะแบบของตัวเองไม่เหมือนกับรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ โดยการวิจัยได้ศึกษาข้อมูลปฐ[ม]ภูมิโดยการสัมภาษณ์และใช้แบบสอบถาม เพื่อสำรวจความคิดเห็นของบุคลากรและข้อมูลทุติยภูมิ โดยการค้นคว้าและรวบรวมจาก หนังสือวารสาร เอกสารต่าง ๆ ได้แก่ กฎระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ และคำสั่งต่าง ๆ ของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยและหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ผลการศึกษาและวิเคราะห์ ตามสมมติฐานปรากฏว่า 1. การจัดการด้านสวัสดิการของ ปตท. ไม่สามารถสนองความต้องการของพนักงานได้อย่างทั่วถึง เนื่องจากมีสวัสดิการบางประเภทยังมีข้อบกพร่องในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจัดให้กับพนักงาน ตลอดจนความไม่เพียงพอของอุปกรณ์ สถานที่และบุคลากร ในสวัสดิการประเภทนั้น ๆ เป็นส่วนประกอบทำให้การจัดการด้านสวัสดิการของ ปตท. ยังไม่สามารถสนองความต้องการของพนักงานได้อย่างทั่วถึง 2. ในระยะ 5 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2527 ถึง พ.ศ. 2531) แนวโน้มของความต้องการด้านกำลังคนของ ปตท. จะไม่เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า (ร้อยละ 100) ทั้งนี้เพราะโครงการใหญ่ๆ ของ ปตท. ส่วนมากได้เริ่มกระทำมานานแล้วและโครงการต่าง ๆ เหล่านั้นบางโครงการก็สิ้นสุดลงไปแล้วและบางโครงการก็มีกำหนดการจะสิ้นสุดลงในระยะ 1 ปี หรือ 2 ปีข้างหน้า ซึ่งจะมีผลทำให้จำนวนพนักงานที่หมดภาระกิจรับผิดชอบเหล่านี้กลับเข้ามาช่วยงานในการดำเนินงานในหน่วยต่าง ๆ ของ ปตท. ซึ่งจะเป็นผลทำให้การรับพนักงานเข้ามาใหม่มีอัตราลดลง ถึงแม้ว่าโครงการบางโครงการในด้านจัดหาและกลั่นน้ำมันตลอดจนในด้านกิจกรรมพิเศษ จะทำให้จำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นมากก็ตามที แต่แนวโน้มของจำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้นนั้นก็ยังมีปริมาณไม่มากดังสมมติฐานที่ตั้งไว้แต่อย่างใด จากการวิจัยสามารถสรุปข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาได้ดังนี้ 1. ปตท. สมควรที่จะมีการวางแผนกำลังคนในอนาคต เพื่อกำหนดปริมาณและคุณสมบัติของบุคลากรที่ต้องการเข้ามาประจำในหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งจะมีผลทำให้ไม่ขาดแคลนบุคลากร และได้บุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในเวลาที่ต้องการ รวมทั้งสามารถวางแผนงานทางด้านบุคคลเพื่อรองรับพนักงานที่เพิ่มขึ้นได้อย่างเหมาะสมด้วย 2. การสรรหาบุคคลเข้าทำงานควรปรับปรุงการกระจายข่าวการรับสมัครงานให้กว้างขวางและทั่วถึงกันเพื่อให้ได้บุคคลที่จะมาสมัครจากแหล่งต่าง ๆ และช่วยลดปัญหาขัดข้องใจในเรื่องการใช้ระบบพรรคพวกในการรับสมัครงาน 3. การคัดเลือก ควรจัดให้มีการสอบภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ซึ่งมีแบบทดสอบที่เป็นมาตรฐาน เพื่อให้ได้บุคลากรที่มีคุณสมบัติและมาตรฐานตรงตามต้องการ และมีมาตรฐานในการคัดเลือกที่มีความถูกต้องและยุติธรรม 4. การฝึกอบรมและพัฒนา ควรจะได้มีการหาความจำเป็นในการฝึกอบรม เพื่อจะได้จัดให้มีการอบรมที่จำเป็นจริง ๆ ในการช่วยส่งเสริมการปฏิบัติงานของพนักงาน และจะช่วยควบคุมงบประมาณการใช้จ่ายในการฝึกอบรม ซึ่งไม่เพียงพออยู่ในขณะนี้ด้วย 5. การประเมินผลการปฏิบัติงาน ควรจัดให้มีแบบฟอร์ม และวิธีการประเมินผลที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งองค์การโดยเร็ว เพื่อลดปัญหาในการ[ป]ระเมินผลงานที่แตกตางกันในแต่ละหน่วยงาน ซึ่งทำให้เกิดการเปรียบเทียบและความไม่เข้าใจในหมู่พนักงาน 6. สวัสดิการ ควรมีการปรับปรุงเงื่อนไข วิธีการตลอดจนบุคลากรในการจัดการสวัสดิการบางประเภท ที่ยังไม่สามารถสนองความต้องการของพนักงานได้อย่างทั่วถึง เช่น รถรับส่งพนักงาน บริการตรวจรักษาโรค บริการซื้อและยืมถังก๊าซ เป็นต้น เพื่อที่จะทำให้สวัสดิการทุกประเภทสามารถสนองประโยชน์ให้กับพนักงานได้อย่างทั่วถึง 7. วินัยและการร้องทุกข์ ควรจัดให้มีกฎระเบียบและข้อวินัย ซึ่งเป็นของ ปตท. เองออกมาใช้ให้เร็วที่สุด เพื่อขจัดปัญหาคนในองค์การเดียวกัน มีข้อบังคับคนละฉบับ และจะได้เป็นมาตรฐานเดียวกัน หมดทั้งองค์การ ซึ่งจะเป็นการง่ายในการปฏิบัติตนของพนักงานในองค์การ และสะดวกต่อการพิจารณาข้อวินัยของพนักงานของหัวหน้าหน่วยงานด้วย 8. การแรงงานสัมพันธ์ ควรจะได้จัดให้มีการประชุมด้านแรงงานสัมพันธ์ในหมู่หัวหน้าหน่วยงานกับพนักงาน ในหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อลดปัญหาช่องว่างของผู้บริหารและพนักงานชั้นผู้น้อย โดยความร่วมมือช่วยเหลือของกองแรงงานสัมพันธ์และฝ่ายสหภาพแรงงาน นอกจากนั้นยังมีสิ่ง ซึ่งควรศึกษาต่อไป คือวิวัฒนาการการปรับตัวของรัฐวิสาหกิจแห่งนี้ ในแง่ของการบริหารบุคคล ซึ่งมาจากการรวมองค์การหลาย ๆ องค์การเข้าด้วยกัน จึงเป็นการรวมบุคคลหลายพวก หลายเหล่าเข้าด้วยกัน ดังนั้นการศึกษาการปรับตัวของพนักงานในองค์การในแง่ของการทำงานรวมกันและการประสานงาน จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจศึกษาต่อไป

Share

COinS