Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การศึกษาเปรียบเทียบการรับทราบข่าวสารและความรู้ ระหว่างผู้ใช้กับผู้ไม่ใช้ที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้านถ้ำคะนอง ตำบลสากเหล็ก อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
A comparative information assimilation of users and nonusers of book reading center in Muban Thamkhanong Thambon Sklek Amphoe Muang-Phichit Chamgwat Phichit
Year (A.D.)
1984
Document Type
Thesis
First Advisor
สุพรรณี วราทร
Second Advisor
เยาวดี วิบูลย์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
อักษรศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
บรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์
DOI
10.58837/CHULA.THE.1984.581
Abstract
การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาผู้ใช้และผู้ไม่ใช้ที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้านถ้ำคะนอง ตำบลสากเหล็ก อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร เกี่ยวกับสถานภาพส่วนตัวสภาพการใช้มูลเหตุของการมาใช้หรือไม่มาใช้ และปัญหาที่ประสบในการมาใช้ที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้าน และเปรียบเทียบการรับทราบข่าวสารและความรู้ระหว่างกลุ่มผู้ใช้และผู้ไม่ใช้ที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้านนี้ ประชากรในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านถ้ำคะนอง ตำบลสากเหล็ก อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป การศึกษาจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และไม่ได้ศึกษาต่อ ไม่เคยย้ายถิ่นฐาน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มได้แก่ กลุ่มผู้ใช้และกลุ่มผู้ไม่ใช้ กลุ่มผู้ใช้คือประชากรที่มาใช้ที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้านอย่างสม่ำเสมอเฉลี่ยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือมากกว่าจำนวน 95 คน และกลุ่มผู้ไม่ใช้คือประชากรที่ไม่เคยมาใช้ที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้านเลยจำนวน 71 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามและแบบทดสอบใช้สำหรับรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้และผู้ไม่ใช้ในด้านต่างๆ แบบทดสอบใช้สำหรับหาข้อมูลเกี่ยวกับการรับทราบข่าวสารและความรู้และผู้ใช้และผู้ไม่ใช้ที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้าน การวิเคราะห์ข้อมูลทำโดยคำนวนหาค่าร้อยละ มัชฌิมเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและทดสอบค่าที (t-test) ผลการวิจัยแสดงว่า ผู้ใช้ที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้านเป็นชายมากกว่าหญิง ผู้ใช้ส่วนใหญ่มีอายุ 40-49 ปี และจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มาแล้ว 16 ปีขึ้นไป นอกเหนือจากการได้รับความรู้และข่าวสารจากที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้านแล้วผู้ใช้ได้รับความรู้และข่าวสารจากผู้ใหญ่บ้านและครูใหญ่มากกว่าแหล่งอื่นๆ นอกจากนี้ยังสามารถหาหนังสือพิมพ์อ่านได้นอกจากในที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้าน คือที่ร้านกาแฟหรือร้านอาหาร รองลงมาคือ ที่บ้านของตนเอง ผู้ใช้ส่วนใหญ่เข้าใช้ที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้านสัปดาห์ละ 2-6 ครั้ง โดยมีช่วงเวลาเข้าใช้ไม่แน่นอน และให้ความเห็นว่ามีความสะดวกในการเข้าใช้ในระดับมาก ผู้ใช้มีเหตุผลหลายประการในการมาใช้ที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้าน ที่สำคัญได้แก่ มีเวลาว่างมากคิดเป็นร้อยละ 78.95 รองลงมาคือ ชอบอ่านหนังสือและต้องการอ่านหนังสือเก่งขึ้นคิดเป็นร้อยละ 75.79 และ 60.00 ตามลำดับ ผู้ใช้สนใจอ่านหนังสือพิมพ์มากที่สุด โดยอ่านข่าวในประเทศมากกว่าเรื่องอื่นๆ ในสารการศึกษานอกโรงเรียน ผู้ใช้สนใจอ่านเรื่องงานอาชีพ เรื่องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และวัฒนธรรมในระดับมาก เรื่องอื่นๆ สนใจในระดับปานกลาง ในสารการศึกษานอกโรงเรียนฉบับประชากรศึกษา ผู้ใช้สนใจอ่านความรู้เพื่อนำไปประกอบอาชีพในระดับมาก เรื่องอื่นๆ สนใจในระดับปานกลาง สำหรับข่าวเกษตรผู้ใช้สนใจอ่านปัญหาเกษตรกรในระดับมาก เรื่องอื่นๆ สนใจในระดับปานกลาง สำหรับผู้ไม่มาใช้ที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้านเป็นหญิงมากกว่าชาย ส่วนใหญ่มีอายุ 30-39 ปี และจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มาแล้ว 16 ปี ขึ้นไป ผู้ไม่ใช้ได้รับความรู้และข่าวสารจากผู้ใหญ่บ้านมากกว่าแหล่งอื่นๆ นอกจากนี้ยังสามารถหาหนังสือพิมพ์อ่านได้จากที่บ้านตนเอง และจากร้านกาแฟหรือร้านอาหารตามลำดับ สาเหตุสำคัญบางประการที่ผู้ไม่ใช้ ไม่มาใช้ที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้านคือ มีภาระมากจนไม่มีเวลามาอ่านหนังสือในที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้าน และมีปัญหาด้านสุขภาพหรือสายตา ผลการศึกษาเปรียบเทียบการรับทราบข่าวสารและความรู้ของกลุ่มผู้ใช้และผู้ไม่ใช้ที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้าน จากการทดสอบพบว่าผู้ใช้มีการรับทราบข่าวสารและความรู้มากกว่าผู้ไม่ใช้ซึ่งตรงกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ พิจารณาตามเนื้อหาพบว่าผู้ใช้มีการรับทราบข่าวสารและความรู้ในหมวดการอนามัยและการพยาบาลเบื้องต้น หมวดความรู้เกี่ยวกับอาชีพหมวดความรู้ในหน้าที่ตนต่อชุมชน และหมวดการวางแผนครอบครัว มากกว่าผู้ไม่ใช้ แต่ในหมวดเหตุการณ์บ้านเมืองท้องถิ่นและประเทศในปัจจุบัน และหมวดกฎหมายที่บุคคลควรรู้ทั้งผู้ใช้และผู้ไม่ใช้มีการรับทราบข่าวสารและความรู้ใน 2 หมวดนี้ ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เพื่อแก้ปัญหาและปรับปรุงที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้าน ผู้วิจัยเสนอแนะดังนี้คือ ด้านวัสดุการอ่าน ควรผลิตหรือจัดหาหนังสือชนิดพิเศษสำหรับผู้มีปัญหาด้านสายตา และผู้ที่อ่านหนังสือไม่คล่อง เร่งรัดการผลิตและการจัดส่งเอกสารต่างๆ ให้แก่ที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้านต่างๆ รวมทั้งขอความร่วมมือในการจัดหาเอกสารต่างๆ ด้านการดำเนินงาน ควรจัดให้มีคณะกรรมการดำเนินงานที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้านเป็นวาระคือ 2-3 ปี จัดให้มีการประชาสัมพันธ์ชักชวนให้มีผู้มาใช้บริการมากขึ้น รวมทั้งสำรวจความต้องการของผู้ใช้ เพื่อให้ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดพิจิตรทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น และสนองความปรารถนาของผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
ชูประสิทธิ์, สุมน, "การศึกษาเปรียบเทียบการรับทราบข่าวสารและความรู้ ระหว่างผู้ใช้กับผู้ไม่ใช้ที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้านถ้ำคะนอง ตำบลสากเหล็ก อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร" (1984). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 53377.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/53377