Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ประสิทธิผลของหลักสูตรสาขาวิชาบรรณารักษศาสตร์ต่อการปฏิบัติงาน ของบัณฑิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

The effectiveness of the library science curriculum towards professional performance of Ramkhamhaeng University graduates

Year (A.D.)

1984

Document Type

Thesis

First Advisor

นวนิตย์ อินทรามะ

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

อักษรศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

บรรณารักษศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1984.575

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิผลของหลักสูตรสาขาวิชาบรรณารักษศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงเกี่ยวกับความเหมาะสมของจุดมุ่งหมาย เนื้อหาของหลักสูตร ระยะเวลาเรียนที่กำหนดในหลักสูตร รวมทั้งปัญหาในการปฏิบัติงาน การนำความรู้ที่ได้รับจากภาควิชาไปประกอบอาชีพบรรณารักษ์หรืออาชีพอื่นๆ ปัญหาและอุปสรรคตลอดจนความต้องการในการหางานทำของบัณฑิต เพื่อรวบรวมข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะต่างๆ เสนอต่อภาควิชาบรรณารักษศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง วิธีดำเนินการวิจัยใช้การค้นคว้าจากเอกสาร และการสำรวจโดยส่งแบบสอบถามไปยังบัณฑิตสาขาวิชาบรรณารักษศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปีการศึกษา 2520 -2524 จำนวน 200 คน ซึ่งประชากรจำนวนนี้ได้มาจากการสุ่มตัวอย่าง 50 เปอร์เซ็นต์ของผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีจากภาควิชาบรรณารักษศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้รับแบบสอบถามคืนจากบัณฑิต 172 คน คิดเป็นร้อยละ 86 ของบัณฑิตทั้งหมด ข้อมูลที่ได้รับจากแบบสอบถามนำมาวิเคราะห์และเสนอในรูปของร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิเคราะห์ข้อมูลปรากฏว่าบัณฑิตทั้งหมดเป็นหญิง (97.67 %) อายุเฉลี่ย 26.64 ปี ภายหลังจบการศึกษาแล้วส่วนใหญ่สามารถหางานทำได้ภายในระยะเวลา 6 เดือน โดยประกอบอาชีพเป็นบรรณารักษ์และอาจารย์บรรณารักษ์ 129 คน (75 %) ประกอบอาชีพอื่นๆ 19 คน (11.05 %) และยังไม่ได้ประกอบอาชีพ 24 คน (13.95 %) บัณฑิตที่ประกอบอาชีพเหล่านี้ส่วนใหญ่ปฏิบัติงานในห้องสมุดวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย (40.12 %) รองลงมาได้แก่ ห้องสมุดเฉพาะ (20.93 %) และห้องสมุดโรงเรียน (11.63 %) ด้านประสิทธิผลของหลักสูตรสาขาวิชาบรรณารักษศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เกี่ยวกับจุดมุ่งหมาย เนื้อหาวิชา และระยะเวลาเรียนที่กำหนดในหลักสูตรนั้น บัณฑิตลงความเห็นว่าจุดมุ่งหมายของหลักสูตรเหมาะสมดีแล้ว อย่างไรก็ตามควรมีการปรับปรุงเนื้อหาและระยะเลาลาเรียนเพื่อให้เหมาะสมกับความก้าวหน้าในวิชาการในปัจจุบัน ในบางวิชาควรมีการเพิ่มเนื้อหาและระยะเวลาเรียน เช่น วิชาการฝึกงานห้องสมุด วิชาการจัดหมู่หนังสือและทำบัตรรายการทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และในบางวิชาควรมีการลดเนื้อหาและระยะเวลาเรียน เช่น วิชาประวัติหนังสือและการพิมพ์ บรรณารักษศาสตร์เบื้องต้นและวรรณกรรมประเภทต่างๆ สำหรับการนำความรู้ที่ได้รับจากภาควิชาไปใช้ในการปฏิบัติงานนั้น ปรากฏว่าบัณฑิตสามารถนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานได้ในระดับมากและปานกลาง วิชาที่บัณฑิตนำไปใช้มากที่สุด ได้แก่ วิชาการฝึกงานห้องสมุด วิชาการจัดหมู่และทำบัตรรายการหนังสือภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เอกสารสิ่งพิมพ์และวัสดุเพื่อการค้นคว้า การบริการห้องสมุด ส่วนวิชาที่บัณฑิตนำไปใช้น้อยที่สุด ได้แก่ วิชาประวัติหนังสือและการพิมพ์ การจัดหมู่หนังสือและทำบัตรรายการวัสดุพิเศษ เป็นต้น เกี่ยวกับการปฏิบัติงานในห้องสมุดของบัณฑิตนั้นจะปฏิบัติงานในหน้าที่จัดหมู่และทำบัตรรายการเป็นจำนวนสูงสุด (47.01%) รองลงมาได้แก่ งานจัดซื้อ-จัดหา (40.30%) งานบริการจ่าย-รับ (29.85%) งานดรรชนี บรรณานุกรม และสาระสังเขป (28.36%) และปฏิบัติงานด้านโสตทัศนวัสดุน้อยที่สุด (2.24%) ด้านปัญหาเกี่ยวกับห้องสมุดและการทำงานของบัณฑิต ปรากฏว่าบัณฑิตประสบปัญหาในระดับปานกลางและน้อย บัณฑิตกลุ่มผู้ประกอบอาชีพบรรณารักษ์และกลุ่มอาชีพอื่นๆ มีความต้องการให้ภาควิชาจัดกิจกรรมด้านวิชาการและบริการในระดับมาก พร้อมกันนั้นได้ให้ข้อเสนอแนะแก่ภาควิชาเพื่อปรับปรุงหลักสูตรการเรียน การสอน อาจารย์ผู้สอน กิจกรรมและบริการอื่นๆอีกด้วย ข้อเสนอแนะ 1. ภาควิชาควรมีการจำกัดจำนวนนักศึกษาให้น้อยลงเพื่อขจัดปัญหาด้านหน่วยงานที่จะจัดนักศึกษาไปฝึกงานและปัญหาด้านอุปกรณ์การค้นคว้าและคู่มือต่างๆ ที่จะขาดแคลนและไม่เพียงพอต่อจำนวนนักศึกษามากๆ 2. ภาควิชาควรมีโครงการประเมินผลและเปลี่ยนแปลงเป็นระยะๆ ในด้านหลักสูตรการเรียนการสอน โดยมีการประเมินผลในทุกวิชาที่สอนเกี่ยวกับเนื้อหาวิชาและระยะเวลาเรียน เพื่อให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีซึ่งเจริญรุดหน้าเพิ่มขึ้นทุกวัน 3. ภาควิชาควรเพิ่มชั่วโมงเรียนและชั่วโมงปฏิบัติในบางวิชาที่นักศึกษานำไปใช้ในการปฏิบัติงานห้องสมุดมาก เช่น วิชาการจัดหมู่ และทำบัตรรายการ การฝึกงานในห้องสมุด เพื่อให้เกิดทักษะความชำนาญมากขึ้น 4. ภาควิชาควรมีการสำรวจความต้องการของนักศึกษาในการใช้ตำราที่อาจารย์ผลิตขึ้น และความเข้าใจของนักศึกษาต่อตำราเหล่านั้นเพื่อให้การใช้ตำราดังกล่าวประกอบการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ 5. ภาควิชาควรจัดบริการทางวิชาการต่างๆ เช่น การบรรยาย การอบรมหรือการสัมมนาในหัวข้อวิชาการใหม่ๆ ให้บ่อยขึ้นสำหรับนักศึกษาเก่า นักศึกษาในปัจจุบัน รวมทั้งผู้สนใจโดยทั่วไปเพื่อประโยชน์ทางวิชาการและงานที่ปฏิบัติอยู่ 6. ข้อมูล ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการวิจัยนี้ควรใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอน การดำเนินงานด้านต่างๆ ของภาควิชาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

Share

COinS