Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ผลของฉ้อฉลในเลตเตอร์ออฟเครดิต

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Effects of fraud in letter of credit

Year (A.D.)

1984

Document Type

Thesis

First Advisor

ธัชชัย ศุภผลศิริ

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

นิติศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

นิติศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1984.337

Abstract

เลตเตอร์ออฟเครดิต เป็นเครื่องมือในการดำเนินธุรกิจการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการค้าระหว่างประเทศ ปัญหาในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศเกิดขึ้นเมื่อคู่สัญญาที่เกี่ยวข้องอยู่ห่างกันโดยระยะทางทำให้เกิดความไม่แน่นอนทั้งทางฝ่ายผู้ซื้อและผู้ขาย เลตเตอร์ออฟเครดิตจึงถูกใช้เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เลตเตอร์ออฟเครดิตมีบทบาทสำคัญ 3 ประการ คือ เพื่อชำระเงินค่าซื้อสินค้าระหว่างประเทศ เพื่อก่อให้เกิดความแน่นอนและปลอดภัยในธุรกิจการค้า และเพื่อให้มีการจ่ายเงินโดยไม่ชักช้า ธนาคารพาณิชย์เป็นผู้เปิดและจ่ายเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิต ธนาคารพาณิชย์จึงทำหน้าที่ในฐานะตัวกลางในการจ่ายเงิน ในทางปฏิบัติการใช้เลตเตอร์ออฟเครดิตอยู่ภายใต้ระเบียบ ประเพณี หรือพิธีปฏิบัติเกี่ยวกับเครดิตที่มีเอกสารประกอบ (Uniform Customs and Practice for Documentary Credit หรือ UCP) ซึ่งร่างขึ้นโดยสภาหอการค้านานาชาติ (International Chamber of Commerce หรือ ICC) ระเบียบประเพณีและพิธีปฏิบัติเกี่ยวกับเครดิตที่มีเอกสารประกอบเป็นคู่มือที่รวบรวมหลักปฏิบัติของธนาคารเกี่ยวกับการใช้เลตเตอร์ออฟเครดิต แต่ไม่มีสภาพบังคับของกฎหมายระเบียบประเพณีและพิธีปฏิบัติเกี่ยวกับเครดิตที่มีเอกสารประกอบนี้ได้เป็นที่ยอมรับในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ และใช้ประโยชน์ในฐานะเป็นขนบธรรมเนียมทางการค้าหรือประเพณีปฏิบัติทางการค้า หรือในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา หลักที่เป็นสาระสำคัญในระเบียบประเพณีและพิธีปฏิบัติเกี่ยวกับเครดิตที่มีเอกสารประกอบมี 2 ประการ คือหลัก Strict compliance และหลัก Independence หลัก Strict Compliance กำหนดว่าเอกสารที่ผู้รับประโยชน์นำมายื่นต่อธนาคารเพื่อให้จ่ายเงินจะต้องถูกต้องตรงตามเงื่อนไขของเครดิตโดยเคร่งครัด ฉะนั้นในกรณีที่ผู้รับประโยชน์ไม่ได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามเงื่อนไขของเครดิตแล้ว ธนาคารมีสิทธิระงับการจ่ายเงินตามคำขอให้จ่ายเงินของผู้รับประโยชน์ดังกล่าว สำหรับหลัก Independence กำหนดว่า เลตเตอร์ออฟเครดิตนั้นแยกต่างหากโดยสมบูรณ์จากมูลหนี้ตามสัญญาเดิมระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ดังนั้นหลักเกณฑ์จึงก่อให้เกิดผลคือ ธนาคารผูกพันที่จะปฏิบัติตามหน้าที่ของธนาคารที่มีต่อผู้รับประโยชน์ เมื่อผู้รับประโยชน์ปฏิบัติตามเงื่อนไขของเครดิตโดยไม่คำนึงถึงข้อโต้เถียงใดๆ ระหว่างผู้ซื้อและผู้รับประโยชน์ตามมูลหนี้เดิม พึงสังเกตว่ามีผู้รับประโยชน์บางรายพยายามที่จะถือเอาประโยชน์จากหลัก Independence ดังกล่าว โดยเพิกเฉยที่จะปฏิบัติตามมูลหนี้เดิมหรือจงใจแก้ไขเอกสารถ้าธนาคารผู้จ่ายเงินยึดถือตามหลัก Independence โดยเคร่งครัด ธนาคารก็จะทำการจ่ายเงินแก่ผู้รับประโยชน์ผู้ไม่สุจริตปัจจุบันนี้ได้เป็นที่ยอมรับโดยบทบัญญัติแห่งกฎหมายและคำพิพากษาของศาลในประเทศสหรัฐอเมริกาและอังกฤษว่า การฉ้อฉลในธุรกิจการค้าเป็นข้อยกเว้นของการใช้หลัก Independence เพราะฉะนั้นผู้รับประโยชน์ที่ฉ้อฉลหลอกลวงจึงไม่มีสิทธิ์ได้รับชำระเงิน เมื่อมีการฉ้อฉลในธุรกิจการค้าเกิดขึ้นในการใช้เลตเตอร์ออฟเครดิต และผู้ซื้อมีสิทธิที่จะขอให้ศาลที่มีอำนาจเหนือคดีมีคำสั่งยับยั้งธนาคารจากการจ่ายเงินได้ ในทางตรงกันข้ามตามหลักกฎหมายไทยไม่ได้ให้สิทธิดังกล่าวแก่ผู้ซื้อเพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งไม่ยอมให้บุคคลนำคดีขึ้นสู่ศาลโดยไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้ หรือโดยไม่มีข้อโต้แย้งสิทธิใดๆ ซึ่งตามกฎหมายแล้วการจ่ายเงินของธนาคารเป็นไปโดยชอบตามหลัก Independence เพราะฉะนั้นจึงไม่ถือว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้ซื้อ กล่าวโดยสรุป หลักกฎหมายในปัจจุบันไม่ได้เปิดโอกาสให้แก่ผู้ซื้อที่จะขอให้ศาลยับยั้งธนาคารจากการจ่ายเงินแก่ผู้รับประโยชน์ แม้ว่าจะมีการฉ้อฉลในธุรกิจการค้าโดยการกระทำของผู้รับประโยชน์เกิดขึ้นก็ตาม การออกกฎหมายพิเศษจึงเป็นวิถีทาง เดียวที่จะคุ้มครองสิทธิของผู้ซื้อและขัดขวางการใช้เลตเตอร์ออฟเครดิตในทางที่ผิด กฎหมายพิเศษจะต้องกล่าวโดยชัดแจ้งว่าผู้ซื้อสามารถของให้ศาลมีคำสั่งยับยั้งธนาคารจากการจ่ายเงินได้ นอกจากนั้นควรจะร่างกฎหมายพิเศษโดยเฉพาะเกี่ยวกับปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นในธุรกิจการค้า เพื่อช่วยเหลือให้ความเป็นธรรมแก่คู่สัญญาที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายอย่างไรก็ตามไม่ควรบัญญัติกฎหมายซ้ำซ้อนกับบทบัญญัติในระเบียบประเพณีและพิธีปฏิบัติเกี่ยวกับเครดิตที่มีเอกสารประกอบ (Uniform Customs and Practice for Documentary Credit หรือ UCP) เว้นแต่จะเป็นสาระสำคัญที่ควรบัญญัติไว้ในกฎหมาย อนึ่งคำว่า “การฉ้อฉล" ในวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ หมายถึง ผลของการฉ้อฉลในเลตเตอร์ออฟเครดิตที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลหนี้ตามสัญญาซื้อขายเดิมระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเพราะฉะนั้น คำว่า “การฉ้อฉล" ในที่นี้จึงแตกต่างจากคำว่า “กลฉ้อฉล" หรือ “การเพิกถอนการฉ้อฉล" ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในการเขียนวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ ผู้เขียนได้ศึกษาหลักกฎหมายและคำพิพากษาของศาลอังกฤษและศาลอเมริกันเป็นหลัก อย่างไรก็ตามในส่วนที่เกี่ยวกับคำพิพากษาของศาลต่างประเทศนั้น โดยเหตุที่ไม่อาจค้นคว้าจากแหล่งต้นกำเนิดได้ ฉะนั้น คำพิพากษาส่วนใหญ่จะอ้างอิงตามที่ปรากฏในหนังสือและบทความต่างๆ ตามบรรณานุกรมข้างท้ายนี้

Share

COinS