Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การวิเคราะห์ทางการเงินของอุตสาหกรรมเครื่องสุขภัณฑ์ในประเทศไทย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

A financial analysis of sanitary ware industry in Thailand

Year (A.D.)

1984

Document Type

Thesis

First Advisor

เมธินี วณิกกุล

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

บัญชีมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

การเงินและการธนาคาร

DOI

10.58837/CHULA.THE.1984.349

Abstract

อุตสาหกรรมเครื่องสุขภัณฑ์เป็นอุตสาหกรรมทดแทนการนำเข้าที่สำคัญอุตสาหกรรมหนึ่ง ซึ่งผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคภายในประเทศ ปัจจุบันมีผู้ประกอบการผลิตภายในประเทศรวม 4 ราย โดยมีทุนจดทะเบียนตั้งแต่ 15,000,000.- บาท ถึง 40,000,000.- บาท อุตสาหกรรมเครื่องสุขภัณฑ์เป็นอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เงินทุนสูงและต้องใช้เทคนิคในการผลิตสูงด้วย ดังนั้นการลงทุนส่วนใหญ่จึงต้องเป็นการร่วมลงทุนกับชาวต่างประเทศ ด้านการตลาดของอุตสาหกรรมเครื่องสุขภัณฑ์นั้นมีการแข่งขันกันในระหว่างผู้ผลิตภายในประเทศด้วยกันเอง เนื่องจากรัฐบาลได้ประกาศห้ามนำเข้าเครื่องสุขภัณฑ์จากต่างประเทศ ยกเว้นอ่างอาบน้ำ เพราะรัฐบาลเห็นว่าปริมาณการผลิตภายในประเทศมีปริมาณเพียงพอที่จะสนองความต้องการภายในประเทศแล้ว ส่วนการส่งออกของเครื่องสุขภัณฑ์ที่ผลิตจากภายในประเทศนี้ยังนับว่ามีการส่งออกน้อย แต่ก็มีแนวโน้มสูงขึ้นตามลำดับ ในด้านต้นทุนการผลิต ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อต้นทุนการผลิตมากที่สุดคือค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ดังนั้นในการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมันและกระแสไฟฟ้าแต่ละครั้งจะมีผลกระทบกระเทือนต่อต้นทุนการผลิตเครื่องสุขภัณฑ์เป็นอย่างมาก การวิเคราะห์ฐานะทางการเงินของบริษัทต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมเครื่องสุขภัณฑ์ภายในประเทศปรากฏว่าบริษัท เครื่องสุขภัณฑ์อเมริกันสแตนดาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด มีสมรรถภาพในการหากำไรและมีสมรรถภาพในการดำเนินงานดีที่สุด แต่บริษัทไทยอุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผาจำกัด กลับมีสภาพคล่องดีที่สุดในขณะที่สภาพเสี่ยงของบริษัทก็อยู่ในระดับต่ำที่สุดด้วย ส่วนบริษัทผลิตภัณฑ์กระเบื้องดินเผา จำกัด นั้นมีสภาพคล่อง สมรรถภาพในการหากำไร และสมรรถภาพในการดำเนินงานต่ำที่สุด ในขณะเดียวกันสภาพเลี่ยงของบริษัทก็อยู่ในระดับสูงที่สุดด้วย และจากการวิเคราะห์ถึงฐานะทางการเงินของกิจการที่มีชาวต่างชาติร่วมลงทุนเปรียบเทียบกับกิจการที่ลงทุนโดยคนไทยทั้งหมด ปรากฏว่ากิจการที่มีชาวต่างชาติร่วมลงทุนมีฐานะทางการเงินดีกว่ากิจการที่ลงทุนโดยคนไทยทั้งหมด เนื่องจากกิจการที่มีชาวต่างชาติร่วมลงทุนมีสภาพคล่องสมรรถภาพในการหากำไร และสมรรถภาพในการดำเนินงาน ดีกว่ากิจการที่ลงทุนโดยคนไทยทั้งหมด ในขณะที่สภาพเลี่ยงของกิจการที่มีชาวต่างชาติร่วมลงทุนก็อยู่ในระดับต่ำกว่าสภาพเลี่ยงของกิจการที่ลงทุนโดยคนไทยทั้งหมดด้วย และเมื่อพิจารณาโดยส่วนรวมแล้ว อาจกล่าวได้ว่าฐานะทางการเงินของอุตสาหกรรมเครื่องสุขภัณฑ์อยู่ในเกณฑ์ที่ดี เนื่องจากมีสภาพคล่องสูง ให้ผลตอบแทนค่อนข้างดี ในขณะที่สภาพเลี่ยงไม่สูงมากนัก และยังมีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้นอีกด้วย การวิเคราะห์โครงสร้างทางการเงินและงบแสดงแหล่งที่มาและใช้ไปของเงินทุน ปรากฏว่าโครงสร้างทางการเงินของบริษัท เครื่องสุขภัณฑ์อเมริกันสแตนดาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด ในช่วงปี 2519-2522 ประกอบด้วยทุนที่มาจากหนี้สินระยะสั้นเป็นส่วนใหญ่ แต่ปี 2524 กลับปรากฏว่าเงินทุนส่วนใหญ่มาจากกำไรสะสมของบริษัท ส่วนบริษัท อาร์มิเทจแชงค์ส (กรุงเทพฯ) จำกัด นั้นในช่วงปี 2519-2521 จัดหาเงินทุนส่วนใหญ่มาจากหุ้นสามัญ แต่ปี 2522-2524 ทางบริษัทกลับจัดหาเงินทุนส่วนใหญ่มาจากการกู้ยืมระยะสั้น สำหรับโครงสร้างทางการเงินของบริษัท ไทยอุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผา จำกัด ในช่วงปี 2519-2524 ปรากฏว่ามากกว่าร้อยละ 70 ของเงินทุนทั้งหมดได้มาจากหุ้นสามัญและโครงสร้างทางการเงินของบริษัทผลิตภัณฑ์กระเบื้องดินเผา จำกัด ในช่วงปี 2519-2522 นั้น ประกอบด้วยเงินทุนที่มาจากการกู้ยืมระยะยาวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของเงินทุนทั้งหมด แต่ปี 2523-2524 บริษัท ผลิตภัณฑ์กระเบื้องดินเผา จำกัด กลับจัดหาเงินทุนมาจากหนี้สินระยะสั้นเป็นส่วนมาก เมื่อพิจารณาโครงสร้างทางการเงินโดยเฉลี่ยในช่วงปี 2519-2524 ของกิจการที่มีชาวต่างชาติร่วมลงทุน และของกิจการที่ลงทุนโดยคนไทยทั้งหมดปรากฏว่า กิจการที่มีชาวต่างชาติร่วมลงทุนมีเงินทุนส่วนใหญ่มาจากหุ้นสามัญ ในขณะที่กิจการที่ลงทุนโดยคนไทยทั้งหมดมีเงินทุนส่วนใหญ่มาจากหนี้สินระยะยาว เมื่อพิจารณาโดยส่วนรวมปรากฏว่าในช่วงปี 2519-2524 โครงสร้างทางการเงินของอุตสาหกรรมเครื่องสุขภัณฑ์โดยเฉลี่ยประกอบด้วยทุนที่มาจากหนี้สินระยะสั้นเป็นส่วนมาก และจากการวิเคราะห์งบแสดงแหล่งที่มาและใช้ไปของเงินทุน ปรากฏว่าช่วงปี 2519-2521 อุตสาหกรรมเครื่องสุขภัณฑ์ได้มีการจัดหาเงินทุนจากแหล่งเงินทุนระยะยาวไปใช้ลงทุนในสินทรัพย์หมุนเวียน ส่วนช่วงปี 2521-2522 กลับนำเงินทุนจากแหล่งระยะสั้นไปใช้ลงทุนในสินทรัพย์ถาวร จากผลการศึกษาอาจสรุปได้ว่า ปัญหาของอุตสาหกรรมเครื่องสุขภัณฑ์ คือ ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นทุกขณะ ซึ่งการแก้ปัญหาเรื่องการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิตนี้ทำได้ยาก เนื่องจากมีสาเหตุมาจากปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งได้แก่การขึ้นราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ไฟฟ้า ค่าวัตถุดิบ และค่าแรงงาน เป็นต้น ผู้ผลิตจึงควรปรับปรุงการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งก็อาจจะช่วยผ่อนคลายปัญหาการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิตได้ ส่วนปัญหาทางการเงินของอุตสาหกรรมเครื่องสุขภัณฑ์ก็คือนโยบายการจัดหาเงินทุนของอุตสาหกรรมนี้ไม่สอดคล้องกับอายุการใช้งานของสินทรัพย์ โดยบางปีได้นำเงินทุนจากแหล่งระยะยาวไปใช้ลงทุนในสินทรัพย์หมุนเวียน และบางปีก็ได้นำเงินทุนจากแหล่งระยะสั้นไปใช้ลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ดังนั้นจึงควรแก้ไขปัญหาทางการเงินนี้โดยควรปรับปรุงนโยบายการจัดหาเงินทุนให้สอดคล้องกับอายุการใช้งานของสินทรัพย์ โดยการนำเงินทุนจากแหล่งระยะสั้นไปลงทุนในสินทรัพย์หมุนเวียนและนำเงินทุนจากแหล่งระยะยาวไปลงทุนในสินทรัพย์ถาวร

Share

COinS