Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การศึกษาการใช้พืชสมุนไพรและสารสกัดจากพืชสมุนไพรในยาแผนปัจจุบัน ในประเทศไทย ระหว่างปี พ.ศ. 2520-2524
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Study of the utilization of medicinal plants and their extract constituents in modern medicine in Thailand during 1977 - 1981
Year (A.D.)
1984
Document Type
Thesis
First Advisor
ดวงจิต พนมวัน ณ อยุธยา
Second Advisor
พยอม ตันติวัฒน์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
เภสัชศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
เภสัชพฤกษศาสตร์
DOI
10.58837/CHULA.THE.1984.7
Abstract
ในการศึกษาการใช้พืชสมุนไพรและสารสกัดจากพืชสมุนไพรในยาแผนปัจจุบันได้แบ่งการวิจัยออกเป็น 3 ส่วนดังนี้ ส่วนที่ 1 ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับยาแผนปัจจุบันในตลาดยาซึ่งยาสำคัญได้มาจากพืชสมุนไพรและสารสกัดจากพืชสมุนไพร ข้อมูลที่รวบรวมประกอบด้วย ชื่อตัวยารูปแบบและขนาดที่ใช้, ชื่อการค้า, ชื่อพืช, ส่วนของพืชที่เป็นแหล่งที่มาของตัวยาที่พบโดยปกติและปริมาณที่พบ จำนวนตัวยาที่พบรวมได้ทั้งหมด 269 ชนิด ซึ่งแบ่งตามฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา ออกเป็น 48 กลุ่มย่อย ที่พบมาก 5 อันดับแรกคือ 1. กลุ่มยาระบาย (Laxatives) พบ 23 ชนิด (7.26%) 2. กลุ่มยาระงับอาการไอและขับเสมหะ (antitussive & Expectorants) พบ 21 ชนิด (6.62%) 3. กลุ่มยาหัวใจ (cardiac drugs) พบ 20 ชนิด (6.31%) 4. กลุ่มยาขับลม (Carminatives) พบ 17 ชนิด (5.36%) 5. กลุ่มยาต่าง ๆ ในโรคผิวหนัง (Miscellaneous in skin desease) พบ 17 ชนิด (5.36%) ตัวยาจากพืชสมุนไพรที่ศึกษาพบว่าถูกนำมาใช้ในลักษณะ พืชสมุนไพรแห้ง 5.57% สารสกัดอย่างหยาบ 20.91%, สารบริสุทธิ์ 43.90%, และอนุพันธ์ของสารบริสุทธิ์ 19.86% เมื่อศึกษาถึงสารบริสุทธิ์ที่พบนั้นพบว่าเป็นสารพวก อัลคาลอยด์ 16.72%, ไกลโคไซด์ 8.01%, น้ำมัน 11.15%, และอื่นๆ อีก 8.01% ส่วนที่ 2 รวบรวมและวิเคราะห์ตำรับยาที่ขึ้นทะเบียนไว้ในประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2520- พ.ศ. 2524 พบว่าจำนวน 4,347 ตำรับ หรือ 24.08% ของตำรับที่ขึ้นทะเบียนทั้งหมดมีตัวยาสำคัญมาจากพืชสมุนไพรรวม 186 ชนิด และในจำนวนตำรับ ดังกล่าวเป็นตำรับที่นำสั่งเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 1,441 ตำรับคิดเป็น 33.15% ของตำรับที่ประกอบด้วยตัวยาจากพืชสมุนไพร ตัวยาเหล่านี้ส่วนใหญ่จะถูกใช้ในลักษณะของยาร่วม (combine drug) มากกว่าการใช้ในรูปยาเดี่ยว (single drug) ส่วนที่ 3 รวบรวมวิเคราะห์เกี่ยวกับข้อมูลการนำเข้าและส่งออกของพืชสมุนไพรและตัวยาที่ได้จากพืชสมุนไพร พบว่าพืชสมุนไพรที่มีมูลค่าการนำเข้าสูงสุด คือ โสมมีมูลค่าประมาณ 55 ล้านบาท (รวม 5 ปี) รองลงมาได้แก่ ชะเอม และกานพลู ส่วนพืชสมุนไพรที่ส่งออกมากที่สุด คือ เร่ว มีมูลค่าประมาณ 80 ล้านบาท (รวม 5 ปี) รองมาได้แก่ กำยาน และราก ระย่อม ส่วนสารสกัดที่ได้จากพืชสมุนไพรพบว่า น้ำมันสะระแหน่ (peppermint oil) ทั้งการนำเข้าและส่งออกในปริมาณที่สูงที่สุด
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
แวดวงธรรม, วิชิต, "การศึกษาการใช้พืชสมุนไพรและสารสกัดจากพืชสมุนไพรในยาแผนปัจจุบัน ในประเทศไทย ระหว่างปี พ.ศ. 2520-2524" (1984). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 53206.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/53206