Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับการสำเร็จการศึกษาตามกำหนดเวลา และหลังกำหนดเวลาของหลักสูตร ของครุศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Variables related to graduation within-due-time and after-due-time of master of education graduates, Chulalongkorn University

Year (A.D.)

1983

Document Type

Thesis

First Advisor

ทวีวัฒน์ ปิตยานนท์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

วิจัยการศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1983.246

Abstract

การวิจัยเรื่องนี้มุ่งที่จะศึกษาตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับการสำเร็จการศึกษาตามกำหนดเวลาและหลังกำหนดเวลาของหลักสูตร ของครุศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กลุ่มตัวอย่างประชากร ประกอบด้วยนิสิตที่เข้าศึกษาในหลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต รุ่นปีการศึกษา 2516-2520 จำนวน 242 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการส่งจดหมายทางไปรษณีย์ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าร้อยละ การทดสอบไค-สแควร์ (Chi-Square Test) มัชฌิมเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t-test) การวิเคราะห์แบบจำแนกประเภท (Discriminant Analysis) การทดสอบค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน (Pearson Product Moment Correlation Coefficient) ตลอดจนการคำนวณหาค่าเรโชประสิทธิภาพทางการศึกษา ผลการวิจับพบว่า 1. เพศ สถานภาพสมรส จำนวนบุตร อายุ สถานภาพการทำงาน ประเภทของหน่วยงาน ลักษณะของหน่วยงาน ระยะเวลาที่ทำงานก่อนเข้าศึกษาในระดับปริญญาโท และจำนวนครั้งที่สมัครสอบเข้าศึกษาในระดับปริญญาโท แต่ละตัวแปรไม่มีความสัมพันธ์กับลักษณะการสำเร็จการศึกษาอย่างมีนัยสำคัญ 2. เมื่อพิจารณารวมทุกภาควิชา พบว่า ส่วนใหญ่นิสิตทั้งกลุ่มที่สำเร็จตามกำหนดและหลังกำหนดเวลาต่างก็ใช้เวลาในการศึกษาเนื้อหาวิชาเท่ากับ 3 ภาค ส่วนเวลาที่ใช้ในการทำวิทยานิพนธ์นั้น พบว่า นิสิตกลุ่มที่สำเร็จตามกำหนดเวลาส่วนใหญ่ทำวิทยานิพนธ์เสร็จภายใน 6 เดือน ในขณะที่นิสิตกลุ่มที่สำเร็จหลังกำหนดเวลา ใช้เวลาตั้งแต่ 7 เดือนขึ้นไป 3. เกรดเฉลี่ยสะสมในระดับปริญญาตรี ไม่มีความสัมพันธ์กับลักษณะการสำเร็จการศึกษาอย่างมีนัยสำคัญ ในทุกภาควิชาและโดยส่วนรวม แต่พบว่า เกรดเฉลี่ยสะสมในระดับปริญญาโทระหว่างกลุ่มที่สำเร็จตามกำหนดเวลาและกลุ่มที่สำเร็จหลังกำหนดเวลา มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญในบางภาควิชา ได้แก่ภาควิชาบริหารการศึกษา และภาควิชาพลศึกษา นอกจากนี้ยังพบว่า ผลการสอบวิทยานิพนธ์ ไม่มีความสัมพันธ์กับลักษณะการสำเร็จการศึกษาอย่างมีนัยสำคัญ ยกเว้นภาควิชาโสตทัศนศึกษา เมื่อทำการทดสอบค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างเกรดเฉลี่ยสะสมในระดับปริญญาตรี และระดับปริญญาโท พบว่า มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยในบางภาควิชา ได้แก่ ภาควิชามัธยมศึกษา ภาควิชาวิจัยการศึกษา ภาควิชาพลศึกษาและภาควิชาพยาบาลศึกษา 4. ลักษณะการมาศึกษาในระดับปริญญาโท มีความสัมพันธ์กับลักษณะการสำเร็จการศึกษาของนิสิตอย่างมีนัยสำคัญ (P < .05) ในทุกภาควิชา ยกเว้นภาควิชาโสตทัศนศึกษา กล่าวคือ นิสิตกลุ่มที่สำเร็จตามกำหนดเวลาส่วนใหญ่ลาศึกษาต่อจนทำวิทยานิพนธ์เสร็จหรือจนสำเร็จการศึกษา ในขณะที่กลุ่มที่สำเร็จหลังกำหนดเวลามาเรียนในขณะที่ยังทำงานอยู่โดยไม่ได้ลาศึกษาต่อจนสำเร็จการศึกษาและ/หรือลามาศึกษาเฉพาะระหว่างเวลาที่เรียนรายวิชาครบหมดแล้วเท่านั้นและกลับไปทำงานในระหว่างที่ทำวิทยานิพนธ์ 5. จำนวนบุตร อายุ จำนวนครั้งที่สมัครสอบเข้าศึกษาในระดับปริญญาโท เกรดเฉลี่ยสะสมในระดับปริญญาตรี เกรดเฉลี่ยสะสมในระดับปริญญาโท และระยะเวลาที่ทำงานก่อนเข้าศึกษาในระดับปริญญาโท เมื่อนำมาพิจารณาพร้อม ๆ กัน พบว่า เป็นตัวแปรที่ไม่สามารถนำมาจำแนกกลุ่มของครุศาสตรมหาบัณฑิตระหว่างกลุ่มที่สำเร็จการศึกษาตามกำหนดเวลาและหลังกำหนดเวลาออกจากกันได้อย่างมีนัยสำคัญ (P > .05) 6. โดยส่วนรวม พบว่า นิสิตกลุ่มที่สำเร็จหลังกำหนดเวลามีปัญหาส่วนตัวมากกว่ากลุ่มที่สำเร็จตามกำหนดเวลาอย่างมีนัยสำคัญ ในหมวดปัญหาด้านการปรับตัวด้านการเรียน (P < .05) ซึ่งเมื่อพิจารณาจำแนกตามภาควิชา พบว่า ในภาควิชามัธยมศึกษา นิสิตกลุ่มที่สำเร็จหลังกำหนดเวลามีปัญหาส่วนตัวมากกว่ากลุ่มที่สำเร็จตามกำหนดเวลาอย่างมีนัยสำคัญ ในหมวดปัญหาด้านอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับตนเองและหมวดปัญหาด้านการปรับตัวด้านการเรียน (P < .05) 7. นิสิตในภาควิชาโสตทัศนศึกษา มีค่าเรโชประสิทธิภาพทางการศึกษาสูงสุด รองลงมาคือภาควิชาประถมศึกษา สำหรับภาควิชาที่มีค่าเรโชประสิทธิภาพต่ำสุด คือ ภาควิชาพยาบาลศึกษา และภาควิชามัธยมศึกษา ซึ่งเมื่อพิจารณาจำแนกตามปีการศึกษาแล้ว พบว่า นิสิตที่เข้าศึกษารุ่นปีการศึกษา 2520 มีค่าเรโชประสิทธิภาพสูงสุด รองลงมาคือปีการศึกษา 2519

Share

COinS