Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การศึกษาการบริหารงานความปลอดภัยของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมบางปู

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

A study on management of plant safety in Bang-Poo industrial estate

Year (A.D.)

1983

Document Type

Thesis

First Advisor

จุฑาธวัช อินทรสุขศรี

Second Advisor

ถาวร ฉวรรณกุล

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

พาณิชยศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

พาณิชยศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1983.397

Abstract

วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ จัดทำขึ้นเพื่อศึกษาถึงลักษณะการบริหารงานความปลอดภัยของสถานประกอบการต่างๆ ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู ว่ามีลักษณะการบริหารงานด้านความปลอดภัยเป็นไปในลักษณะใด มีผู้ใดเป็นผู้รับผิดชอบงานด้านความปลอดภัยในแต่ละระดับต่างกันอย่างไรบ้าง และเพื่อศึกษาถึงสาเหตุของอุบัติเหตุ เช่น การกระทำที่ไม่ปลอดภัย สภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยเป็นต้น พร้อมทั้งวิธีการป้องกันอุบัติเหตุของสถานประกอบการต่างๆ ในการศึกษาจะมุ่งเน้นถึงความปลอดภัยในการทำงานของคนงาน โดยตั้งสมมติฐานไว้ 2 ประการคือ 1. บุคลากรที่ทำหน้าที่ด้านรักษาความปลอดภัยยังไม่ได้รับอำนาจเท่าที่ควร 2. สถานประกอบการต่างๆ ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู ยังขาดระบบบริหารงานความปลอดภัย วิธีศึกษาวิจัยจะทำโดยการสัมภาษณ์ผู้บริหารของสถานประกอบการต่างๆ ที่เปิดดำเนินการเรียบร้อยแล้ว การสอบถามจากคนงานโดยให้คนงานกรอกแบบสอบถาม การสังเกตการณ์พร้อมทั้งศึกษาเพิ่มเติมจากเอกสาร ตำราต่างๆ และข้อมูลจากแฟ้มโรงงาน ผลจากการศึกษาในครั้งนี้พบว่า ในเรื่องของความรับผิดชอบงานด้านความปลอดภัยนั้นผู้บริหารระดับสูงจะมอบอำนาจอย่างเต็มที่ให้กับผู้บริหารระดับกลาง ในการบริหารงานด้านความปลอดภัย แต่ผู้บริหารในระดับต้นยังไม่ได้รับมอบอำนาจเท่าที่ควร ดังนั้นจึงปฏิเสธสมมติฐานข้อที่ 1เพราะเป็นจริงเฉพาะผู้บริหารระดับต้นเท่านั้น นอกจากนี้ยังพบว่าสถานประกอบการต่างๆในนิคมอุตสาหกรรมบางปูยังขาดระบบการบริหารงานความปลอดภัยที่ดีอยู่ กล่าวคือ ขาดการส่งเสริมหรือจูงใจคนงานด้านความปลอดภัย ขาดหลักการฝึกอบรมที่ดี ไม่มีหน่วยงานด้านความปลอดภัยหรือมิได้แต่งตั้งให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งรับผิดชอบงานด้านความปลอดภัยโดยเฉพาะเป็นต้น ดังนั้นจึงยอมรับสมมติฐานข้อที่ 2 จากการศึกษาตามวัตถุประสงค์และสมมติฐานดังกล่าวข้างต้น ทำให้สรุปปัญหาสำคัญๆ ได้ดังนี้คือ 1. สถานประกอบการส่วนใหญ่ยังขาดบุคลากรที่ทำหน้าที่ด้านความปลอดภัยโดยตรง ทำให้งานด้านความปลอดภัยต้องฝากไว้กับหน่วยงานอื่นๆ ดังนั้นด้านความปลอดภัยจึงไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร 2. ผู้บริหารระดับสูงมิได้ให้ความสำคัญต่องานด้านความปลอดภัยอย่างแท้จริง ส่วนใหญ่มุ่งที่ผลผลิตและกำไรก่อนเป็นอันดับแรก 3. คนงานส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ในเรื่องของความปลอดภัยในการทำงานที่ดีพอ 4. สถานประกอบการส่วนใหญ่ยังขาดการส่งเสริมหรือจูงใจคนงาน ให้สนใจด้านความปลอดภัย ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหา สถานประกอบการต่างๆ ควรพยายามส่งเสริมให้มีสิ่งต่อไปนี้ 1. การจัดตั้งหน่วยงานด้านความปลอดภัยขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อรับผิดขอบงานด้านความปลอดภัยโดยตรง 2. ผู้บริหารระดับสูงควรให้การสนับสนุนงานด้านความปลอดภัยให้มากขึ้น ซึ่งอาจทำได้หลายวิธีเช่น กำหนดนโยบายด้านความปลอดภัยไว้เป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานของคนงาน จัดทำคู่มือเกี่ยวกับกฎข้อบังคับว่าด้วยความปลอดภัยในการทำงานตรวจสภาพร่างกายให้แก่คนงานเป็นประจำทุกปี จัดทำบันทึกหรือรายงานเกี่ยวกับอุบัติเหตุ ฯลฯ 3. ฝึกอบรมคนงานด้านความปลอดภัย เพื่อให้รู้จักวิธีการทำงานที่ถูกต้องและปลอดภัยสาเหตุ ผลเสียหายและอันตรายต่ออุบัติเหตุ พร้อมทั้งวิธีป้องกัน โดยเน้นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานในหน้าที่ของคนงาน เพื่อให้คนงานได้เข้าใจว่างานด้านความปลอดภัยนี้ เป็นสิ่งที่พวกเขาจะต้องรับผิดชอบร่วมกับฝ่ายบริหารด้วย 4. ควรส่งเสริมงานด้านความปลอดภัยขึ้นในสถานประกอบการต่างๆ เช่นมีโปสเตอร์บอร์ดข่าวสารด้านความปลอดภัย การให้พนักงานมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาด้านความปลอดภัย ฯลฯ การที่จะทำให้สถานประกอบการต่างๆ ส่งเสริมงานด้านความปลอดภัยตามข้อเสนอแนะดังกล่าวข้างต้นได้นั้น ทางนิคมอุตสาหกรรมจะต้องเป็นฝ่ายจูงใจเจ้าของกิจการ หรือผู้บริหารของสถานประกอบการต่างๆ ให้สนใจในเรื่องเหล่านี้ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะถ้าเจ้าของกิจการเห็นความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยแล้ว ก็จะทำการส่งเสริมงานด้านนี้ขึ้นภายในสถานประกอบการของตน ซึ่งวิธีการที่ทางนิคมฯ จะจูงใจผู้บริหารของสถานประกอบการต่างๆ ได้นั้น อาจทำได้หลายวิธี กล่าวคือ จะต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้เจ้าของกิจการ หรือผู้บริหารของสถานประกอบการต่างๆ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของงานด้านความปลอดภัย เช่น อาจจัดสัมมนาด้านความปลอดภัยขึ้น หรือใช้เอกสารสิ่งตีพิมพ์ต่างๆ ชี้แจงรายละเอียดถึงความสำคัญและประโยชน์ที่จะได้รับ พร้อมทั้งใช้วิธีการจูงใจเข้าช่วย เช่น จัดให้มีการประกวดหรือแข่งขันกันระหว่างสถานประกอบการต่างๆ ในนิคมฯ หรือระหว่างนิคมฯ ต่อ นิคมฯ หรืออาจให้บริการด้านฝึกอบรม เช่นถ้าสถานประกอบการใดต้องการวิทยากรจากภายนอก ทางนิคมฯ อาจส่งเจ้าหน้าที่ไปฝึกอบรมให้หรืออาจติดต่อเจ้าหน้าที่จากหน่วยราชการอื่นๆ ให้ซึ่งเป็นอำนวยความสะดวกต่อทางสถานประกอบการ และถือเป็นสิ่งจูงใจผู้ลงทุนได้อีกแบบหนึ่งด้วย

Share

COinS