Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การศึกษาการจัดการของอุตสาหกรรมหม้อแปลงไฟฟ้าในประเทศไทย
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
A study on management of distribution transformer industry in Thailand
Year (A.D.)
1983
Document Type
Thesis
First Advisor
ศิริโสภาคย์ บูรพาเดชะ
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
พาณิชยศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
พาณิชยศาสตร์
DOI
10.58837/CHULA.THE.1983.396
Abstract
วิทยานิพนธ์นี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาถึงการดำเนินงานโดยทั่วไปของอุตสาหกรรมหม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมของผู้ลงทุนภายในประเทศ อันก่อให้เกิดการสร้างงานและการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ ตลอดจนเสนอแนะมาตรการที่รัฐบาลควรส่งเสริมและให้ความคุ้มครองแก่อุตสาหกรรมนี้ รวมทั้งทดสอบข้อสมมติฐานที่ว่า อุตสาหกรรมหม้อแปลงไฟฟ้าเริ่มจากอุตสาหกรรมขนาดย่อมและหลังจากได้รับการส่งเสริมจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนก็สามารถขยายการดำเนินงานเป็นอุตสาหกรรมขนาดกลางนั้นจริงหรือไม่ การศึกษาวิจัยนี้ ได้ใช้หลักการศึกษาเชิงคุณภาพ โดยรวบรวมข้อมูลทั้งข้อมูลปฐมภูมิและข้อมูลทุติยภูมิ ในส่วนข้อมูลปฐมภูมิได้สัมภาษณ์ผู้บริหารที่มีประสบการณ์ของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจนี้ทั้ง 4 แห่ง โดยไม่ได้ใช้แบบฟอร์มการสอบถามที่แน่นอนตายตัว ส่วนข้อมูลทุติยภูมิได้ศึกษาจากเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้ ผลการศึกษาปรากฏว่าสมมติฐานที่ตั้งขึ้นไม่เป็นความจริงและได้พบปัญหาการจัดการด้านต่างๆ ดังนี้ 1. ปัญหาด้านรัฐบาลที่มีผลกระทบต่อการวางแผนในการดำเนินงานของธุรกิจอุตสาหกรรมหม้อแปลงไฟฟ้าในประเทศไทย แม้ว่ารัฐบาลจะได้กำหนดนโยบายและมีการวางแผนในการส่งเสริม แต่การปฏิบัติขั้นดำเนินการยังไม่บรรลุผลสำเร็จเท่าที่ควร ทั้งนี้เนื่องจากรัฐบาลได้แต่ส่งเสริม มิได้ติดตามผลว่ากิจการที่ส่งเสริมไปแล้ว มีผลเป็นอย่างไรบ้าง อาทิเช่น ผลิตออกจำหน่ายได้มากน้อยเพียงใด มีกำลังผลิตเท่าไร จะสามารถบริการตอบสนองความต้องการของประเทศได้เพียงพอหรือไม่ มีอุปสรรคในการผลิตการจำหน่ายอย่างไรบ้าง ปัญหาภาษีอากรเป็นอย่างไร ถ้ามีอุปสรรคเกิดขึ้นรัฐบาลควรหาทางช่วยเหลือแก้ไขเสียให้ถูกจุด ธุรกิจด้านนี้คงจะเจริญก้าวหน้ากว่าที่เป็นอยู่ 2. ปัญหาด้านการเงิน ซึ่งได้แก่ การขาดแคลนเงินทุน แหล่งเงินกู้ที่มีอยู่ทั้งภาครัฐบาลและเอกชน ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเท่าที่ควร เนื่องจากเงื่อนไขและเกณฑ์ที่กำหนดไว้สำหรับการให้กู้ของสถาบันการเงินในประเทศมีมากเกินไป ไม่เป็นการเอื้ออำนวยต่อการที่ผู้ลงทุนจะดำเนินการกู้มาขยายงานหรือหมุนเวียนในการดำเนินงานได้ 3. ปัญหาด้านความรู้ลึกของผู้บริโภค ที่ไม่ให้ความเชื่อถือหรือไว้วางใจต่อผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทยโดยคนไทย และติดป้ายแสดงอย่างชัดเจนว่าทำในประเทศไทย พนักงานรัฐบาล ซึ่งทำงานอยู่ในรัฐวิสาหกิจมักไม่สนับสนุนอุตสาหกรรมนี้ เพราะสินค้าหม้อแปลงไฟฟ้า 90% ของตลาดขึ้นอยู่กับหน่วยงานของรัฐบาล ถ้ารัฐบาลเพียงแต่วางนโยบายไว้ แต่คนของรัฐไม่สนใจต่อนโยบายนั้น ธุรกิจประเภทนี้ก็คงเจริญก้าวหน้าได้ช้า จากปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นพอที่จะสรุปข้อเสนอแนะดังนี้คือ 1. รัฐบาลควรสนใจและติดตามนโยบายที่รัฐได้วางไว้อย่างแท้จริง และหาทางแก้ไขอุปสรรคที่เกิดขึ้น อาทิเช่น ด้านภาษีอากรที่ไม่เป็นธรรม ภาษีซ้ำซ้อน ภาษีที่บ่อนทำลายความเจริญในการพัฒนาประเทศ 2. ควรห้ามการนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่สามารถผลิตได้ในประเทศ และมีกำลังการผลิตพอเพียงความต้องการของตลาด 3. ในด้านความรู้สึกของผู้บริโภคที่ไม่มีความเชื่อถือและไม่นิยมสินค้าที่ผลิตในประเทศ รัฐควรพยายามหามาตรการสนับสนุนให้ประชาชนหันมานิยมใช้สินค้าที่ผลิตโดยคนไทยและมีคุณภาพมาตรฐานทัดเทียมต่างประเทศ และออกข้อบังคับแก่หน่วยงานของรัฐบาลให้ปฎิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
ขันธนภา, นภาพร, "การศึกษาการจัดการของอุตสาหกรรมหม้อแปลงไฟฟ้าในประเทศไทย" (1983). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 50858.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/50858