Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ปัญหาการเรียนการสอนวิชากิจกรรมพลศึกษาทั่วไปที่เป็นวิชาบังคับ ในมหาวิทยาลัย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Problems of learning and teaching physical activities as requuired courses in universities

Year (A.D.)

1983

Document Type

Thesis

First Advisor

ถนอมวงศ์ กฤษณ์เพ็ชร์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

พลศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1983.192

Abstract

การวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาปัญหาการเรียนการสอนของนิสิตนักศึกษาและอาจารย์ผู้สอนวิชากิจกรรมพลศึกษาทั่วไปในมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนวิชากิจกรรมพลศึกษาทั่วไปเป็นวิชาบังคับ ผู้วิจัยได้ส่งแบบสอบถามไปยังอาจารย์ที่สอนวิชากิจกรรมพลศึกษาทั่วไปเป็นวิชาบังคับ 54 คน และนิสิตนักศึกษาที่เรียนวิชากิจกรรมพลศึกษาทั่วไปเป็นวิชาบังคับ 800 คน ได้รับแบบสอบถามคืนจากอาจารย์ร้อยละ 100 นิสิตนักศึกษาร้อยละ 90.75 นำข้อมูลมาวิเคราะห์โดยวิธีหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าที และวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว แล้วจึงนำเสนอในรูปตารางและความเรียง ผลการวิจัยพบว่า อาจารย์พลศึกษา และนิสิตนักศึกษาเป็นว่า สิ่งที่เป็นปัญหาในระดับปานกลางต่อการเรียนการสอนวิชากิจกรรมพลศึกษาทั่วไปเป็นวิชาบังคับ ได้แก่ ปัญหาด้านต่อไปนี้ คือ ปัญหาเกี่ยวกับอุปกรณ์และสถานที่ ปัญหาเกี่ยวกับฝ่ายบริหาร ปัญหาเกี่ยวกับตัวนิสิตนักศึกษา ปัญหาเกี่ยวกับอาจารย์ผู้สอน ยกเว้นปัญหาเกี่ยวกับการวัดและประเมินผลซึ่งอาจารย์พลศึกษาประสบปัญหาในระดับน้อย ส่วนนิสิตนักศึกษาประสบปัญหาในระดับปานกลาง เมื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของครูพลศึกษากับนิสิตนักศึกษาเกี่ยวกับปัญหาการเรียนการสอนวิชากิจกรรมพลศึกษาทั่วไปเป็นวิชาบังคับ พบว่า มีความแตกต่างกันที่ระดับความมีนัยสำคัญ .01 ได้แก่ ปัญหาเกี่ยวกับอาจารย์ผู้สอน ปัญหาเกี่ยวกับตัวนิสิตนักศึกษา ปัญหาเกี่ยวกับอุปกรณ์และสถานที่ ปัญหาเกี่ยวกับการวัดและประเมินผล ส่วนปัญหาเกี่ยวกับฝ่ายบริหารพบว่าไม่แตกต่างกันที่ระดับความมีนัยสำคัญ .01 จากการวิเคราะห์ความแปรปรวนของความคิดเห็นของอาจารย์พลศึกษา 8 สถาบัน ในด้าน ปัญหาเกี่ยวกับอาจารย์ผู้สอน ปัญหาเกี่ยวกับตัวนิสิตนักศึกษา ปัญหาเกี่ยวกับอุปกรณ์และสถานที่ ปัญหาเกี่ยวกับการวัดและประเมินผล พบว่าไม่แตกต่างกันที่ระดับความมีนัยสำคัญ .01 ยกเว้นปัญหาเกี่ยวกับฝ่ายบริหาร ซึ่พบว่ามีความแตกต่างกันที่ระดับความมีนัยสำคัญ .01 จากการวิเคราะห์ความแปรปรวนของความคิดเห็นของนิสิตนักศึกษา 8 สถาบันในด้าน ปัญหาเกี่ยวกับอาจารย์ผู้สอน ปัญหาเกี่ยวกับตัวนิสิตนักศึกษา ปัญหาเกี่ยวกับอุปกรณ์และสถานที่ ปัญหาเกี่ยวกับการวัดและประเมินผล ปัญหาเกี่ยวกับฝ่ายบริหาร พบว่า ต่างกันที่ระดับความมีนัยสำคัญ .01

Share

COinS