Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การศึกษาจริยปัชญาของแรนด์เชิงวิจารณ์
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
A critical study in Rand's moral philosophy
Year (A.D.)
1983
Document Type
Thesis
First Advisor
วิทย์ วิศทเวทย์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
อักษรศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
ปรัชญา
DOI
10.58837/CHULA.THE.1983.589
Abstract
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะศึกษาแนวคิดทางจริยศาสตร์ของแรนด์นักคิดสตรีชาวอเมริกันคนหนึ่งซึ่งยังไม่ปรากฏว่ามีใครเคยศึกษามาก่อนว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอเรียกแนวความคิดของตัวเธอเองว่า “ปรนัยนิยม" และกล่าวว่า “จริยแบบปรนัย ยืนยันและสนับสนุนอย่างภาคภูมิในความเห็นแก่ตัวที่มีเหตุผล" นั้น ความเห็นแก่ตัวที่มีเหตุผลของเธอหมายความว่าอะไร และปรนัยนิยมที่เธอใช้หมายความว่าอะไรสนับสนุนความเห็นแก่ตัวที่มีเหตุผลจริงหรือไม่ และแนวความคิดของเธอจะอธิบายสถานการณ์มนปัจจุบันนี้ได้อย่างไรบ้าง จะช่วยแก้ปัญหาให้มนุษย์ในปัจจุบันได้อย่างไรหรือไม่ จากการศึกษาพบว่า ที่แรนด์กล่าวว่า “ยืนยันและสนับสนุนอย่างภาคภูมิมนความเห็นแก่ตัวที่มีเหตุผล" นั้น ไม่ปรากฏว่าแรนด์จะสนับสนุนให้มนุษย์พยายามทำทุกวิถีทางที่จะให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการมา โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่น หรือใช้ผู้อื่นเป็นเครื่องมือในการบรรลุเป้าหมายของตัวเอง ซึ่งโดยทั่วไปเราถือว่าเป็น “ความเห็นแก่ตัว" เลย และก็ไม่พบว่าแรนด์จะสนับสนุนให้มนุษย์คอยให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อื่นโดยหวังจะได้รับผลตอบแทนในภายหลังซึ่งฮอบบ์ถือว่าเกิดขึ้นจากความเห็นแก่ตัวด้วยเช่นกัน แต่ความเห็นแก่ตัวที่มีเหตุผลของแรนด์หมายถึง การเป็นตัวของตัวเองในการคิด วินิจฉัย และกระทำการต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผลิต หรือการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ขึ้นมาใช้ อำนวยความสะดวกให้กับชีวิต ไม่ว่าจะเป็นผลงานทางด้านศิลปะ หรือเทคโนโลยี แรนด์ถือว่า ชีวิตเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุด หรือเป็นมาตรฐานของศีลธรรม หากปราศจากเสียซึ่งชีวิตแล้วสิ่งต่าง ๆก็ไร้คุณค่า จึงจำเป็นสำหรับมนุษย์ที่จะต้องหวงแหนและปกป้องชีวิตของตนเอง แต่ทว่าแรนด์ก็ใช้คำว่า “ชีวิต" โดยหมายถึงชีวิตของมนุษย์ที่มีสมรรถภาพในการที่จะรับรู้ วินิจฉัย และกระทำการต่าง ๆ ตามความคิด วินิจฉัยของตนเอง ดังนั้น อาการแสดงออกถึงความสามารถทางการรับรู้ การคิด วินิจฉัยของตนออกมาในการจัดโลกให้เหมาะสมกับการดำรงอยู่ของตนหรือผลิต สร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการดำรงชีวิต และผู้กระทำได้ดังกล่าว แรนด์ก็ถือว่าเป็นผู้ทรงคุณธรรม เป็นสัตศีลธรรม ในแง่นี้แรนด์ก็เหมือนกับมาร์กซ์ (Karl Marx) ที่มองคุณธรรมว่าเป็นการกระทำที่สอดคล้องกับธรรมชาติของมนุษย์แบบอุดมคติ ซึ่งมีสมรรถภาพคือการสร้างสรรค์ หรือบรรลุถึงเป้าหมายสูงสุดทางศีลธรรมได้ด้วยการทำงาน จากการพยายามศึกษาว่า “ปรนัยนิยม" ของแรนด์มีความสัมพันธ์กันอย่างไรหรือไม่กับจริยปรัชญาของแรนด์ที่แรนด์เรียกว่า “จริยแบบปรนัย" หรือความเห็นแก่ตัวที่มีเหตุผล พบว่าอภิปรัชญาของแรนด์เป็นพื้นฐานให้กับจริยปรัชญา แต่แนวความทางจริยปรัชญาของแรนด์ก็สามารถจะถูกขยายออกไปจนย้อนกลับมาทำลายแนวความคิดทางด้านอภิปรัชญาได้ ในกรณีที่มนุษย์ซึ่งเป็นสภาวภาพหนึ่งในธรรมชาติ แต่ได้รับสิทธิพิเศษในการที่จะจัดการกับธรรมชาติ หรือใช้สภาวภาพอื่น ๆ(ยกเว้นเพื่อนมนุษย์) เป็นเครื่องแสดงออกซึ่งเอกลักษณ์แห่งตน ความมีคุณธรรมของตนโดยไม่ตระหนักถึง คำนึงถึงกฎเกณฑ์ ความสัมพันธ์ ความสมบูรณ์ของธรรมชาติ ขณะที่การพิจารณาถึงความสัมพันธ์ระหว่างจริยปรัชญากับญาณวิทยาว่าเป็นไปได้ในกรณีใดบ้าง และอย่างไร ก็พบว่ามีความสัมพันธ์ที่เป็นไปได้สามประเด็นด้วยกันคือ ประเด็นแห่งการเชื่อมโยงสู่สภาพความเป็นจริงของความรู้และการก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้ทรงคุณธรรม โดยที่ความรู้สืบเนื่องมาจากความเป็นจริงของธรรมชาติภายนอก ขณะที่การบรรลุถึงการเป็นผู้ทรงคุณธรรมสืบเนื่องมาจากความเป็นจริงในธรรมชาติภายในของมนุษย์เอง ประเด็นแห่งการพัฒนาร่วมกันของความรู้และคุณธรรม โดยมนุษย์จะเป็นผู้สร้าง ผู้ทรงคุณธรรมไม่ได้ปราศจากความรู้และระบบแห่งความรู้และระบบคุณค่าของมนุษย์ก็พัฒนาร่วมกันในการพัฒนาบุคลิกภาพ ตัวตนของมนุษย์ที่จะแสดงออกมาในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ขึ้นมา และท้ายที่สุด อันเป็นประเด็นที่อาจจะนำไปสู่การพลิกกลับมาตรฐานทางศีลธรรม คือ ญาณวิทยาของแรนด์อาจจะขยายไปสู่การสนับสนุนอัญนิยมได้ เมื่อแรนด์ให้มนุษย์ขยายขอบเขตของความรู้ออกไปให้ครอบคลุมขอบเขตของชีวิตและถ้าชีวิตให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นจริงเกี่ยวกับการดำรงอยู่ที่ขัดแย้งกับข้อมูลที่แรนด์เสนอ คือ การอยู่รอดของแต่ละชีวิต มีความสมพันธ์ต่อกัน มิใช่ไม่มีความสัมพันธ์กันดังที่แรนด์ว่า และจากการตีความแนวคิดของแรนด์เพื่ออธิบายถึงสถานการณ์ของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปด้วยการรับแนวความคิดเกี่ยวกับการพัฒนามาจากโลกตะวันตก พบว่าแนวความคิดของแรนด์ที่สนับสนุนความเห็นแก่ตัวที่มีเหตุผล หรือความเป็นตัวของตัวเองของมนุษย์ ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน ไม่ใช้เพื่อมนุษย์เป็นเครื่องมือเพื่อบรรลุถึงเป้าหมายของตน ไม่แสวงหาประโยชน์จากความโง่ ความขี้ขลาด ความหวาดกลัว และความไร้เกียรติของเพื่อนมนุษย์ และแรนด์ก็เห็นว่าคุณลักษณะดังกล่าวประกอบกับสิทธิในทรัพย์สิน หรือการอนุญาตให้คนที่เห็นแก่ตัวอย่างมีเหตุผลมีทรัพย์สินส่วนตัวได้ (โดยที่แรนด์ไม่ได้กล่าวถึงข้อจำกัดใดๆ) จะทำให้มนุษย์สามารถที่จะสร้างสรรค์ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่จะเอื้ออำนวยความสะดวกให้กับการดำรงชีวิต ทำให้โลกเป็นที่น่าอยู่อาศัย ซึ่งเป็นแนวความคิดทางการพัฒนาแบบที่เราเรียกว่าระบบทุนนิยม จากการที่ฟรอมม์ศึกษาแนวความคิดของฟรอยด์ ซึ่งฟรอมม์เห็นว่าแนวความคิดของฟรอยด์สนับสนุนระบบทุนนิยมนั้น ฟรอมม์ก็ได้ชี้ให้เห็นว่าแทนที่มันจะสนับสนุนการผลิต การสร้างสรรค์มันกลับสนับสนุนการบริโภค และจะทำให้มนุษย์รู้สึกโดดเดี่ยว วิตกกังวล ว้าเหว่ ไร้ความรู้สึก ถึงความเริงร่าของชีวิต และจะทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตเป็นสิ่งที่ไร้ค่า และต้องการที่จะทำลายมันทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของตนเองหรือชีวิตของผู้อื่น ซึ่งสภาพจิตใจในลักษณะดังกล่าว ฟรอมม์ เรียกว่า ซาโด-มาโซคิสม์ (sado-masochism) และข้อพิจารณาของฟรอมม์นี้อาจจะใช้อธิบายถึงผลแห่งแนวความคิดของแรนด์ได้ และก็ทำให้เราไม่อาจจะหวังได้ว่าแนวความคิดของแรนด์จะช่วยให้สภาพของชีวิตมนุษย์ในระบบทุนนิยมให้ดีขึ้นได้
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
จันทรประภาพ, อนุมิตร, "การศึกษาจริยปัชญาของแรนด์เชิงวิจารณ์" (1983). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 50788.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/50788