Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การใช้ดุลพินิจในการดำเนินคดีอาญาของอัยการ

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

The public prosecutor's discretion for institution of prosecution

Year (A.D.)

1983

Document Type

Thesis

First Advisor

คณิต ณ นคร

Second Advisor

มุรธา วัฒนะชีวะกุล

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

นิติศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

นิติศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1983.320

Abstract

หลักการดำเนินคดีอาญามีอยู่ 2 หลัก คือ หลักการดำเนินคดีอาญาตามกฎหมาย (Legality หรือ Compulsory Prosecution) และหลักการดำเนินคดีอาญาตามดุลพินิจ (Opportunity Prosecution) หลักการดำเนินคดีอาญาประการแรกมีความว่า เมื่ออัยการมีเหตุควรเชื่อว่าผู้ต้องหาได้กระทำผิดกฎหมายอัยการต้องยื่นฟ้องต่อศาลเสมอ และเมื่อฟ้องคดีแล้วจะถอนฟ้องไม่ได้ ส่วนหลักประการที่สองมีความหมายว่า เมื่ออัยการมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ต้องหาได้กระทำผิด อัยการมีอำนาจใช้ดุลพินิจที่จะฟ้องผู้ต้องหาหรือไม่ก็ได้ โดยให้พิจารณาถึงความเหมาะสมเป็นเรื่อง ๆ ไป ว่าการฟ้องคดีสังคมจะได้รับผลดีจากการฟ้องคดีดังกล่าวมากน้อยเพียงใด และตัวผู้ต้องหาจะแก้ไขปรับปรุงตัวให้เป็นคนดีของสังคมมากน้อยเพียงใดอันเป็นหลักผ่อนคลายความเข้มงวดในการใช้กฎหมาย โดยที่ปัจจุบันจุดประสงค์ของการลงโทษได้เปลี่ยนจากการแก้แค้นมาสู่การป้องกันทั่วไป หลักการดำเนินคดีอาญาตามดุลพินิจจึงได้รับความสนใจมากขึ้น จนกระทั่งประเทศที่ใช้หลักการดำเนินคดีอาญาตามกฎหมาย เช่น เยอรมัน ก็ยังมีการบัญญัติข้อยกเว้นไว้ในกฎหมายโดยมีลักษณะเป็นการผ่อนปรนให้อัยการได้ใช้ดุลพินิจในการดำเนินคดีอาญาได้ในหลายกรณี ซึ่งข้อยกเว้นเช่นนี้มีจำนวนมากจนกระทั่งมีผู้กล่าวกันว่า หลักการดำเนินคดีอาญาตามกฎหมายในเยอรมันได้ลดความสำคัญลงจนเป็นรองข้อยกเว้นที่ยอมให้ใช้ดุลพินิจเสียแล้ว สำหรับประเทศไทย เมื่อได้พิจารณาจากตัวบท มาตรา 143 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาแล้ว จะเห็นได้ว่ามีการบัญญัติถ้อยคำไว้ในลักษณะกว้าง ๆ เปิดโอกาสให้อัยการได้ใช้ดุลพินิจในการดำเนินคดีอาญาได้ แต่ในทางปฏิบัติหาได้เป็นเช่นนั้นไม่เพราะอัยการได้สั่งคดีโดยยึดตามตัวบทกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งตามหลักฐานที่ค้นได้มีคดีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องโดยใช้หลักการดำเนินคดีอาญาตามดุลพินิจเพียง 4 คดี เท่านั้น เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะมีความเข้าใจกันว่าหากเปิดแนวทางให้มีการใช้ดุลพินิจอย่างกว้างขวางแล้ว ก็จะเป็นช่องทางให้อัยการใช้ดุลพินิจสั่งคดีไปในทางที่ไม่ถูกต้องได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าจะขัดกับเจตนารมณ์แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 143 เป็นอย่างมาก เพราะเป็นการมองดุลพินิจของอัยการในแง่ลบจนเกินไป เป็นเหตุให้อัยการต้องกระทำหน้าที่ฟ้องร้องเหมือนเครื่องจักรจนเกินไป อัยการไม่มีโอกาสได้ใช้ดุลพินิจเพื่ออำนวยความยุติธรรมในสังคมอย่างเต็มที่ เอกสารวิจัยนี้ต้องการที่จะเสนอแนะแนวความคิดและหลักเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมให้อัยการได้ใช้ดุลพินิจสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาบางเรื่องเพื่ออำนวยความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมไทยมากกว่านี้ และในขณะเดียวกันก็ได้เสนอแนะแนวทางในการควบคุมดุลพินิจเพื่อป้องกันการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบของอัยการเพื่อให้เกิดความเหมาะสมมากกว่าที่ใช้กันอยู่ในเวลานี้

Share

COinS