Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การเปรียบเทียบความเชื่อในอัตลิขิต-ปรลิขิต ของนักเรียนที่มีเพศ ระดับการศึกษาของบิดามารดา และการอบรมเลี้ยงดู ตามการรายงานตนเองต่างกัน

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Comparisons of belief in internal-external locus of control of pupils with difference in sexes, parents' education levels, and self-reported on child rearing practices

Year (A.D.)

1983

Document Type

Thesis

First Advisor

ธีระพี อุวรรณโณ

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

จิตวิทยาการศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1983.51

Abstract

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความเชื่อในอัตลิขิต-ปรลิขิตของนักเรียนที่รายงานว่าได้รับการอบรมเลี้ยงดูแตกต่างกัน นักเรียนที่บิดามารดามีระดับการศึกษาแตกต่างกัน และนักเรียนต่างเพศกัน กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (ม.3) ภาคต้น ปีการศึกษา 2525 จำนวน 508 คน เป็นชาย 244 คน หญิง 264 คน จากโรงเรียนมัธยมประเภทสหศึกษา 9 แห่ง ในกรุงเทพมหานคร โดยมีสมมติฐานในการวิจัยว่า ความเชื่อในอัตลิขิต-ปรลิขิตจะแตกต่างกัน (1) ระหว่างกลุ่มนักเรียนที่รายงานว่าได้รับการอบรมเลี้ยงดูแบบประชาธิปไตย แบบให้ความคุ้มครองมากไป และแบบทอดทิ้ง (2) ระหว่างกลุ่มนักเรียนที่บิดามารดามีการศึกษาระดับสูง กลาง และต่ำ และ (3) ระหว่างกลุ่มนักเรียนชายและนักเรียนหญิง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย (1) แบบสอบถามเกี่ยวกับประวัติส่วนตัวของนักเรียน (2) มาตรวัดความเชื่อในอัตลิขิต-ปรลิขิต (I-E Scale) ของลิฟเวอร์รันท์ ร็อตเตอร์ และคราวน์ (Liverant, Rotter and Crowne) ฉบับภาษาไทย (3) แบบสอบถามเกี่ยวกับการอบรมเลี้ยงดูของพ่อแม่ของถั้น แพเพชร ที่ดัดแปลงโดยสุกัญญา กุลอึ้ง จากการใช้วิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way Analysis of Variance) และการเปรียบเทียบพหุคุณ (Multiple Comparisons) ที่ระดับความมีนัยสำคัญ .05 ทดสอบความแตกต่างของความเชื่อในอัตลิขิต-ปรลิขิต ปรากฏว่า (1) นักเรียนที่รายงานว่าได้รับการอบรมเลี้ยงดูแบบประชาธิปไตย แบบให้ความคุ้มครองมากไปและแบบทอดทิ้ง มีความเชื่อในอัตลิขิต-ปรลิขิตแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ โดยที่นักเรียนที่รายงานว่าได้รับการอบรมเลี้ยงดูแบบประชาธิปไตยมีความเชื่อในอัตลิขิตสูงกว่านักเรียนที่รายงานว่าได้รับการอบรมเลี้ยงดูแบบทอดทิ้ง (2) นักเรียนที่บิดามารดามีการศึกษาระดับสูง กลาง และต่ำ มีความเชื่อในอัตลิขิต-ปรลิขิตไม่แตกต่างกัน (3) นักเรียนชายและหญิงมีความเชื่อในอัตลิขิต-ปรลิขิตไม่แตกต่างกัน นอกจากนี้ จากการใช้สถิติทดสอบ X2 วิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า ระดับการศึกษาของพ่อแม่กับการอบรมเลี้ยงดูตามรายงานของตนเองมีความสัมพันธ์กันทั้งในกลุ่มนักเรียนชาย นักเรียนหญิง และในกลุ่มรวมที่ระดับความมีนัยสำคัญ .01, .001 และ .001 ตามลำดับ และการอบรมเลี้ยงดูตามการรายงานของตนเองก็มีความสัมพันธ์กับเพศของนักเรียนอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .001

Share

COinS