Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ต้นทุนและอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนปลูกสนประดิพัทธ์ ในภาคกลางของประเทศไทย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Cost and rate of return on investment in casuarina junghuhniana plantation in central part of Thailand

Year (A.D.)

1983

Document Type

Thesis

First Advisor

ชุบ เข็มนาค

Second Advisor

อรพินธุ์ ชาติอัปสร

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

บัญชีมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

การบัญชี

DOI

10.58837/CHULA.THE.1983.343

Abstract

วิทยานิพนธ์นี้เป็นการศึกษาถึงต้นทุนและอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนปลูกสนประดิพัทธ์ในภาคกลางของประเทศไทย โดยเน้นหนักถึงต้นทุนการปลูก จำนวนเงินลงทุนและผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุน ลักษณะและขั้นตอนต่าง ๆ ในการปลูก การใช้ประโยชน์และความต้องการของตลาด ตลอดจนศึกษาถึงปัญหาและอุปสรรค์ที่เกิดขึ้นจากการปลูก ในการศึกษาได้ใช้กรณีตัวอย่างการลงทุนปลูกสนประดิพัทธ์ของภาคเอกชนใน 5 จังหวัดที่ทำการปลูกสนประดิพัทธ์ โดยศึกษาตามลักษณะการปลูก ซึ่งมีอยู่ 2 วิธีคือ 1. การปลูกแบบยกร่องในท้องที่ที่น้ำท่วมถึง ที่รังสิตคลอง 9 อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี และอำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก 2. การปลูกแบบไม่ยกร่องในท้องที่ที่น้ำท่วมไม่ถึงหรือที่ดอน ที่อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี และอำเภอกิ่งแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา ทั้ง 2 ลักษณะของการปลูกนั้น มีขนาดพื้นที่ปลูก 100 ไร่ ระยะการปลูก 2 x 2 เมตร กำหนดระยะเวลาของโครงการไว้ 5 ปี คือครบรอบหมุนเวียนของการตัดฟันไม้และชายไม้สนไปในปลายปีที่ 5 ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ทางการค้าของการลงทุนคือ จำหน่ายไม้สนเป็นไม้เสาเข็ม และมีการจำหน่ายกิ่งพันธุ์ในปีที่1 และ 2 ของการปลูก ในการศึกษาดังกล่าว ได้ค้นคว้าจากตำรา บทความ หนังสือและเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการปลูก ตลอดจนสอบถาม สัมภาษณ์ ประมวลข้อคิดเห็นจากผู้ลงทุนและบุคคลต่าง ๆ ในวงการ เพื่อใช้เป็นข้อมูลนำมาวิเคราะห์ถึงต้นทุนการปลูกและผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุน โดยวิเคราะห์ถึงอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน มูลค่าปัจจุบันสุทธิและอัตราผลตอบแทนภายใน ผลปรากฏว่าทุกวิธีที่ใช้วิเคราะห์จากการปลูกสนประดิพัทธ์ทั้ง 2 ลักษณะให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจในทุกกรณี ดังการวิเคราะห์หาอัตราผลตอบแทนภายในในแต่ละจังหวัด ดังนี้ 1. การปลูกแบบยกร่องในท้องที่ที่น้ำท่วมถึง ปทุมธานี อัตราผลตอบแทนภายในที่ได้รับจะเท่ากับ 26.81% และ 38.47% ในกรณีที่ขายไม้สนได้ต้นละ 100 บาท และ 150 บาท ตามลำดับ นครนายก อัตราผลตอบแทนภายในที่ได้รับจะเท่ากับ 27.13% และ 38.95% ในกรณีที่ขายไม้สนได้ต้นละ 100 บาท และ 150 บาท ตามลำดับ 2. การปลูกแบบไม่ยกร่องในท้องที่ที่น้ำท่วมไม่ถึง นครปฐม อัตราผลตอบแทนภายในที่ได้รับจะเท่ากับ 42.84% และ 54.45% ในกรณีที่ขายไม้สนได้ต้นละ 100 บาท และ 150 บาท ตามลำดับ ชลบุรี อัตราผลตอบแทนภายในที่ได้รับจะเท่ากับ 51.11% และ 60.16% ในกรณีที่ขายไม้สนได้ต้นละ 100 บาท และ 150 บาท ตามลำดับ ฉะเชิงเทรา อัตราผลตอบแทนภายในที่ได้รับจะเท่ากับ 54.11% และ 62.12% ในกรณีที่ขายไม้สนได้ต้นละ 100 บาท และ 150 บาท ตามลำดับ จากผลการวิเคราะห์ พอสรุปได้ว่าตราบใดที่อัตราตอบแทนภายในที่ได้รับในแต่ละลักษณะและแต่ละกรณีของการปลูกทุกจังหวัดยังสูงกว่าอัตราหักลดหรือต้นทุนของทุน ซึ่งอัตราที่ใช้วิเคราะห์คือ 19% และ 25% แสดงว่ายังมีกำไรอยู่สมควรที่จะลงทุน โดยเฉพาะการปลูกแบบไม่ยกร่องให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า ในด้านการตลาดนั้นปรากฏว่าแนวโน้มความต้องการไม้สนประดิพัทธ์มีสูงขึ้น ทั้งยังเป็นที่ต้องการในตลาดต่างประเทศอีกด้วย ส่วนด้านการดำเนินงาน พบว่า การลงทุนปลูกสนประดิพัทธ์ไม่มีความยุ่งยากทางเทคนิคมากนัก เพียงแต่อาศัยประสบการณ์ ความชำนาญและการศึกษาเล็กน้อยเท่านั้น แต่ปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญคือ เรื่องอัคคีภัยเพราะไม้สนติดไฟง่าย จึงควรป้องกันการลุกลามของไฟโดยมีแนวกันไฟล้อมรอบแปลงที่ปลูกมีผู้ดูแลสวนที่ไว้วางใจได้

Share

COinS