Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินของอุตสาหกรรมเครื่องเรือนไม้ ในเขตกรุงเทพมหานคร
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
An analysis of financial ration of wooden furniture industry in the Bangkok metropolitan area
Year (A.D.)
1983
Document Type
Thesis
First Advisor
สุเทพ เชียรตระกูล
Second Advisor
สุมาลี จิวะมิตร
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
บัญชีมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
การบัญชี
DOI
10.58837/CHULA.THE.1983.351
Abstract
อุตสาหกรรมเครื่องเรือนไม้เป็นอุตสาหกรรมการผลิตที่เก่าแก่แขนงหนึ่งในประเทศไทยอุตสาหกรรมนี้ไม่เพียงแต่ผลิตเพื่อสนองความต้องการภายในประเทศเท่านั้น หากยังผลิตเพื่อสนองความต้องการของตลาดโลกด้วย ในปัจจุบันอุตสาหกรรมเครื่องเรือนไม้มีการผลิตทั่วประเทศโดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการรวมกลุ่มกันอยู่ในบริเวณต่าง ๆ เช่น ย่านสะพานดำ ถนนสุขุมวิท ถนนเพชรบุรี และย่านบางโพ กิจการเครื่องเรือนในเขตกรุงเทพฯ นี้อาจจัดแบ่งตามลักษณะธุรกิจ ลักษณะการผลิตและคุณภาพของสินค้าได้เป็น 7 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ผลิตเครื่องเรือนแบบมาตรฐานปริมาณสูง กลุ่มผู้ผลิตเครื่องเรือนคุณภาพสูง กลุ่มผู้ผลิตเครื่องเรือนคุณภาพดี กลุ่มผู้ขายเครื่องเรือนคุณภาพดี กลุ่มผู้ขายเครื่องเรือนคุณภาพปานกลาง กลุ่มผู้ผลิตและ/หรือขายเครื่องเรือนโดยให้ผ่อนชำระ และกลุ่มผู้ผลิตเครื่องเรือนรายย่อย ในบรรดากิจการเครื่องเรือนในกลุ่มต่าง ๆ เหล่านี้ กิจการที่มีลู่ทางในอนาคตดีจะเป็นกลุ่มกิจการที่มีขนาดใหญ่ มีการใช้เครื่องจักรผลิตเครื่องเรือนแบบมีมาตรฐานในปริมาณมาก โดยเฉพาะกิจการที่มุ่งผลิตเพื่อการส่งออก วิทยานิพนธ์นี้เป็นการศึกษาถึงการวิเคราะห์ฐานะทางการเงินของอุตสาหกรรมเครื่องเรือนไม้ในเขตกรุงเทพมหานคร โดยจะเน้นไปในการวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน ทางด้านสภาพคล่อง สภาพเสี่ยง สมรรถภาพในการดำเนินงาน และสมรรถภาพในการหากำไร ในการวิเคราะห์จะแบ่งบริษัทผลิตเครื่องเรือนไม้ออกเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มบริษัทผลิตเครื่องเรือนไม้เพียงอย่างเดียว และกลุ่มบริษัทที่นอกจากจะผลิตเครื่องเรือนไม้แล้วยังดำเนินธุรกิจประเภทอื่นอีกด้วย โดยจะวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินของแต่ละบริษัท และวิเคราะห์อัตราส่วนโดยเฉลี่ยของบริษัทผลิตเครื่องเรือนไม้ในแต่ละกลุ่มและของทั้งอุตสาหกรรม โดยวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักแบบสมดุลย์ (Equal-Weighted Average) นอกจากนี้ยังได้วิเคราะห์แนวโน้มของอัตราส่วนแต่ละบริษัท เปรียบเทียบกับบริษัทผลิตเครื่องเรือนไม้ในแต่ละกลุ่มและอุตสาหกรรม ในช่วงปี พ.ศ. 2519-2522 ด้วย ผลสรุปจากการวิเคราะห์ ทำให้ทราบรายละเอียดดังต่อไปนี้ จากการวิเคราะห์สภาพคล่อง ปรากฏว่า อุตสาหกรรมเครื่องเรือนไม้ในเขตกรุงเทพมหานคร ดำรงสภาพคล่องไว้พอควร อันเป็นผลมาจากบริษัท ลักทอง (ไทย) จำกัด ซึ่งอยู่ในกลุ่มบริษัทผลิตเครื่องเรือนไม้เพียงอย่างเดียว ดำรงสภาพคล่องไว้สูงในปี พ.ศ. 2519 หากไม่คำนึงถึงบริษัทนี้ที่มีอัตราส่วนทุนหมุนเวียนสูงมากในปีแรกที่เริ่มดำเนินกิจการ อุตสาหกรรมเครื่องเรือนไม้จะมีสภาพคล่องต่ำ เพราะบริษัทส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่ผลิตเครื่องเรือนไม้เพียงอย่างเดียว หรือบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจอื่นอีก ดำรงสินทรัพย์หมุนเวียนไว้เป็นอัตราต่ำกว่าการดำรงหนี้สินหมุนเวียน การที่บริษัทส่วนใหญ่ดำรงสภาพคล่องไว้ต่ำจะมีปัญหาในแง่ที่ว่าอาจไม่สามารถจัดหาเงินทุนมาชำระหนี้สินระยะสั้นได้ทันตามกำหนด หากมีการทวงถาม ในการวิเคราะห์อัตราส่วนแสดงสภาพเสี่ยง พบว่าอุตสาหกรรมเครื่องเรือนไม้มีสภาพเสี่ยงอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้มีสาเหตุมาจากบริษัทที่ผลิตเครื่องเรือนไม้เพียงอย่างเดียวเกือบทั้งหมด ได้จัดหาเงินทุนโดยส่วนใหญ่จากหนี้สิน ส่วนบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจอื่นนอกจากผลิตเครื่องเรือนไม้ทุกบริษัทมีการจัดหาเงินทุนส่วนใหญ่จากหนี้สินเช่นกัน หนี้สินที่จัดหามาส่วนใหญ่เป็นหนี้สินระยะสั้น ซึ่งมีผลทำให้อุตสาหกรรมมีสภาพเสี่ยงอยู่ในระดับสูงและมีสภาพคล่องอยู่ในระดับต่ำ เพราะใช้เงินทุนจากแหล่งเงินทุนระยะสั้นมาก ในด้านสมรรถภาพในการดำเนินงานนั้น จากการวิเคราะห์สรุปได้ว่าอุตสาหกรรมเครื่องเรือนไม้มีสมรรถภาพในการดำเนินงานอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี เนื่องจากบริษัทที่ผลิตเครื่องเรือนไม้เพียงอย่างเดียวบางรายได้ลงทุนในสินทรัพย์ประจำเป็นอัตราต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับสินทรัพย์รวม จึงทำให้มีการลงทุนในสินทรัพย์รวมเป็นมูลค่าต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับค่าขาย จากการพิจารณาอัตราส่วนแสดงสมรรถภาพในการหากำไรของอุตสาหกรรมเครื่องเรือนไม้ ปรากฏว่า ความสามารถในการหากำไรของอุตสาหกรรมอยู่ในระดับต่ำ มีผลขาดทุนโดยส่วนใหญ่ ซึ่งมีสาเหตุมาจากบริษัทที่ผลิตเครื่องเรือนไม้เพียงอย่างเดียว มีต้นทุนการผลิตตลอดจนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเป็นอัตราสูง ส่วนบริษัทที่นอกจากจะผลิตเครื่องเรือนไม้แล้วยังดำเนินธุรกิจอื่น แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในอัตราต่ำกว่า แต่ก็มีต้นทุนการผลิตที่สูง และจากผลขาดทุนนี้ทำให้บริษัทหลายรายในอุตสาหกรรมนี้มีส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงจนกระทั่งติดลบ จากการวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินของอุตสาหกรรมเครื่องเรือนไม้ในเขตกรุงเทพมหานคร จะเห็นได้ว่า อุตสาหกรรมนี้ประสบปัญหาทางการเงินหลายประการที่สำคัญ คือ ปัญหาเกี่ยวกับสภาพคล่องและความสามารถในการหากำไร และบริษัทที่ประสบปัญหาด้านการเงินมากที่สุด คือ บริษัท ราชา จำกัด จากข้อเท็จจริงพบว่าการดำเนินงานของบริษัทประสบผลขาดทุนมาตลอด ทำให้ขาดเงินทุนหมุนเวียนอย่างมากจนขาดความคล่องตัวในการดำเนินงาน แต่ผู้บริหารของบริษัทก็ได้แก้ปัญหาในด้านต่าง ๆ เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินงานต่อไปได้ โดยเฉพาะปัญหาด้านการเงินบริษัทได้แก้ไขด้วยการเพิ่มทุน โดยขอความร่วมมือจากเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นเดิมให้ร่วมลงทุนด้วย รวมทั้งการขายสิทธิการเช่าสำนักงานของบริษัทเพื่อให้มีเงินสดเข้ามาหมุนเวียนเพิ่มขึ้น ปัญหาด้านการตลาดบริษัทได้เปลี่ยนมาเน้นการขายสินค้ามาตรฐานของบริษัทแทนการขายงานตามแบบหรืองานรับสั่งทำ ปัญหาด้านการผลิตได้เปลี่ยนวิธีการผลิตจากเดิมให้เป็นการผลิตแบบอุตสาหกรรม โดยจัดระบบการผลิตเป็นชิ้นส่วน (Knock Down) ซึ่งวิธีนี้จะทำให้มีการวางแผนการผลิต การจัดซื้อและจัดสต๊อคในช่วงเวลาที่เหมาะสมทำให้ลดต้นทุนในการผลิต ตลอดจนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ลงได้ ส่วนปัญหาด้านการบริหารได้มีการกำหนดเป้าหายในทุกระดับของบริษัท และกำหนดมาตรฐานเพื่อใช้ประเมินผลงานที่ได้จากการปฏิบัติงานตามเป้าหมายนั้น ในขณะเดียวกันผู้บริหารของบริษัทก็ได้วางแผนในช่วงระยะเวลา 3 ปี คือ ตั้งแต่ พ.ศ. 2523-2526 โดยการกำหนดแผนการดำเนินงาน ซึ่งระบุนโยบายของบริษัททั้งในระยะยาวและระยะกลาง แผนการตลาด ซึ่งระบุเป้าหมายการตลาดและส่วนแบ่งตลาดของบริษัท รวมทั้งยุทธวิธีการเข้าสู่ตลาดในส่วนต่าง ๆ นอกจากนี้ยังได้วางแผนทางการเงินโดยจัดทำประมาณการค่าขาย ประมาณการเงินสดรับและจ่าย ตลอดจนประมาณการผลการดำเนินงานและฐานะการเงินในช่วงระยะเวลาดังกล่าวด้วย นอกจากปัญหาด้านการเงินดังกล่าวมาแล้ว อุตสาหกรรมเครื่องเรือนไม้ในเขตกรุงเทพมหานคร ยังประสบปัญหาด้านการผลิตหลายประการ ปัญหาที่สำคัญที่สุด คือ วัตถุดิบหลักคือ ไม้ต่าง ๆ ขาดแคลนและราคาสูงขึ้น อันเป็นผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นด้วย สำหรับปัญหาด้านการตลาดต้องแข่งขันกับผู้ผลิตที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ตลาดต่างประเทศก็เช่นกันต้องแข่งขันกับผู้ส่งออกทั้งในประเทศและต่างประเทศในด้านรูปแบบ คุณภาพ ราคาและยุทธวิธีทางการตลาด ข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาคือ รัฐบาลควรหามาตราการควบคุมการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าให้ได้ผลในขณะเดียวกันก็ควรส่งเสริมการปลูกป่าเพื่อทดแทนป่าธรรมชาติที่ถูกตัดไป ควรอนุญาตให้มีการส่งออกไม้สักแปรรูปคุณภาพดีและราคาสูงเพื่อที่จะช่วยตรึงราคาไม้หน้าเล็กที่ใช้ในการผลิตเครื่องเรือนไม้ภายในประเทศ นอกจากนี้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ควรพิจารณาหาทางลดต้นทุนของไม้โดยการเพิ่มปริมาณไม้จำหน่ายออกสู่ตลาดให้มากขึ้น และปรับปรุงวิธีการจำหน่ายให้เหมาะสมในด้านการตลาด ตลาดเครื่องเรือนยังเปิดกว้างสำหรับอุตสาหกรรมประเภทนี้ เพราะตลาดเครื่องเรือนส่วนใหญ่จะเน้นหนักไปในคนชั้นกลาง ซึ่งมีอัตราส่วนสูงมาก ความต้องการของบุคคลชั้นกลางซึ่งประกอบด้วยบุคคลที่มีความรู้พอสมควร มักจะต้องการเครื่องเรือนที่มีรูปแบบง่าย ๆ กะทัดรัด ใช้การได้อหลายอย่างและมีราคาประหยัด เนื่องจากบุคคลระดับนี้มีรสนิยมสูง แต่มีกำลังซื้อไม่มากนัก ดังนั้นการผลิตเครื่องเรือนแบบถอดเป็นชิ้น ๆ และประกอบเองได้ (Knock-Down Furniture) รวมทั้งการเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อได้ซื้อไปครั้งละน้อยชิ้นตามกำลังซื้อของตน ก็จะมีโอกาสขายผลิตภัณฑ์นั้นได้มาก วิธีนี้จะสะดวกทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย เพราะผู้ซื้อก็สามารถประมาณกำลังซื้อของตน ผู้ขายก็สามารถผลิตสินค้าแบบเดียวกันออกขายได้นาน ๆ ตลาดเครื่องเรือนประเภทนี้กำลังเข้ามาแทนที่เครื่องเรือนแบบเก่า ๆ มากขึ้นเป็นลำดับ และคาดว่าจะขยายตัวอย่างรวดเร็วทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผู้ผลิตจึงควรเปลี่ยนแนวไปลงทุนผลิตเครื่องเรือนแบบถอดเป็นชิ้น ๆ และประกอบเองได้ เพื่อขยายตลาดให้กวางขวางขึ้น ในด้านตลาดต่างประเทศผู้ผลิตควรคำนึงถึงการพัฒนารูปแบบ มาตรฐานคุณภาพและราคาของผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น รวมทั้งปรับปรุงการตลาดให้ดีขึ้นให้ถึงระดับที่จะเป็นคู่แข่งในการส่งออกจำหน่ายต่างประเทศให้ได้ สำหรับปัญหาด้านการเงิน อุตสาหกรรมนี้ยังมีลู่ทางที่จะยกระดับอัตราผลตอบแทนให้สูงขึ้นได้ โดยการเพิ่มค่าขายพร้อมทั้งลดต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ การลดต้นทุนการผลิตนั้นได้กล่าวแล้วในการแก้ปัญหาด้านการผลิต ส่วนการลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการขายและบริหาร ผู้ผลิตควรมีระบบการควบคุมค่าใช้จ่ายที่รัดกุมและมีประสิทธิภาพ ทางด้านการเพิ่มค่าขายอาจทำได้โดยการเพิ่มราคาขาย แต่ก็จะเพิ่มได้ในอัตราต่ำกว่าการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิต เพราะมีคู่แข่งขันมากรายในตลาด ดังนั้นผู้ผลิตควรยกระดับผลตอบแทนให้สูงขึ้นด้วยการเพิ่มปริมาณขายให้สูงขึ้น โดยจะต้องเพิ่มในอัตราที่สูงกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จึงจะทำให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น การเพิ่มปริมาณขายก็ได้กล่าวไว้แล้วในการแก้ปัญหาด้านการตลาด
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
ศกุนตะประเสริฐ, พนิดา, "การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินของอุตสาหกรรมเครื่องเรือนไม้ ในเขตกรุงเทพมหานคร" (1983). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 50556.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/50556