Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของผงบอระเพ็ดแห้งในผู้ป่วยนอกกลุ่มอาการอ้วนลงพุงที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Hypoglycaemic effect of Tinospora Crispa dry powder in outpatients with metabolic syndrome at King Chulalongkorn Memorial Hospital

Year (A.D.)

2008

Document Type

Thesis

First Advisor

เรวดี ธรรมอุปกรณ์

Second Advisor

สมเกียรติ แสงวัฒนาโรจน์

Faculty/College

Faculty of Pharmaceutical Sciences (คณะเภสัชศาสตร์)

Degree Name

เภสัชศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

เภสัชกรรมคลินิก

DOI

10.58837/CHULA.THE.2008.791

Abstract

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของผงบอระเพ็ดแห้งในผู้ป่วยกลุ่มอาการอ้วนลงพุง โดยมีรูปแบบการวิจัยแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม:แบบตัดข้าม(randomized placebo-controlled, crossover design) ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลของผู้ป่วยนอกที่เข้ารับการรักษาในแผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในช่วงเดือนตุลาคม 2551 ถึง มีนาคม 2552 และจากการคัดเลือกผู้ป่วยตามเกณฑ์กลุ่มอาการอ้วนลงพุงของ NCEP III ได้จำนวนผู้ป่วยทั้งสิ้น 36 ราย โดยสุ่มให้ได้รับผงบอระเพ็ดแห้งในขนาด 250 มิลลิกรัม รับประทานวันละ 2 ครั้ง เป็นระยะเวลา 2 เดือนหรือยาหลอก ผลการวิจัยพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดที่ได้รับผงบอระเพ็ดแห้งลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเทียบกับระดับน้ำตาลในเลือดเริ่มต้นก่อนเข้าร่วมการวิจัย(ค่าเฉลี่ย = 4.03±11.35 มิลลิกรัม/เดซิลิตร, p = 0.027, มัธยฐาน = 4.00 มิลลิกรัม/เดซิลิตร, n = 36) และเมื่อพิจารณาระดับน้ำตาลในเลือดของกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับผงบอระเพ็ดแห้งใน 2 เดือนแรกของการวิจัยพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเทียบกับระดับน้ำตาลในเลือดเริ่มต้นก่อนเข้าร่วมการวิจัย(ค่าเฉลี่ย = 6.29±10.47 มิลลิกรัม/เดซิลิตร, p = 0.007, มัธยฐาน = 8.00 มิลลิกรัม/เดซิลิตร, n = 24) การวิเคราะห์ความร่วมมือในการใช้บอระเพ็ดโดยการนับจำนวนแคปซูลบอระเพ็ดที่เหลือพบว่ากลุ่มตัวอย่างร้อยละ 91.6 ให้ความร่วมมือในการใช้บอระเพ็ด การวิเคราะห์ปริมาณแคลอรีจากอาหารในระหว่างเข้าร่วมการวิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างร้อยละ 72.2 ได้รับแคลอรีจากอาหารใกล้เคียงกันตลอดระยะเวลาที่ได้รับบอระเพ็ดและยาหลอก นอกจากนั้นยังพบว่าน้ำหนักตัวของกลุ่มตัวอย่างในระหว่างได้รับบอระเพ็ดและยาหลอกไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ(p = 0.920) การติดตามอาการไม่พึงประสงค์ระหว่างใช้บอระเพ็ดพบว่ากลุ่มตัวอย่างร้อยละ 16.7 มีระดับเอนไซม์ aspartate aminotransferase และ alanine aminotransferase เพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 3 เท่าของค่าปกติ

Other Abstract (Other language abstract of ETD)

The purpose of this study was to determine the hypoglycaemic effect of Tinospora crispa dry powder in patients with metabolic syndrome. A randomized placebo-controlled, crossover design was conducted at outpatient internal medicine clinic at King Chulalongkorn Memorial Hospital during October 2008 to March 2009. Thirty-six patients who met the NCEP III criteria guideline for metabolic syndrome were included and randomly assigned to receive 250 mg Tinospora crispa dry powder capsule or placebo twice a day for 2 months treatment period. It was found that patients who received Tinospora crispa dry powder had significantly decreased fasting blood glucose level from baseline (4.03±11.35 mg/dl, p = 0.027, median = 4.00 mg/dl, n = 36). Patients who received Tinospora crispa for the first 2 months also experienced reduced fasting blood glucose level statistically significant difference from baseline (6.29±10.47 mg/dl, p = 0.007, median = 8.00 mg/dl, n = 24). Adherence was assesses by pill count method. The results showed that 91.6% of patients adhered to Tinospora crispa. Seventy-two percent of the patients did not have significant differences of calories intake between Tinospora crispa and placebo groups. There was no statistically significant difference in the body weight between Tinospora crispa and placebo groups during the study period (p = 0.920). An elevation of more than 3 times baseline levels of aspartate aminotransferase and alanine aminotransferase was found in 16.7 % of samples

Link to Full Text

Share

COinS