Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการคุมกำเนิดของนักเรียนอาชีวศึกษาหญิงในเขตภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Factors predicting contraceptive behaviors among vocational female students in the upper North of Thailand

Year (A.D.)

2012

Document Type

Thesis

First Advisor

รัตน์ศิริ ทาโต

Faculty/College

Faculty of Nursing (คณะพยาบาลศาสตร์)

Degree Name

พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

พยาบาลศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.2012.511

Abstract

การวิจัยสหสัมพันธ์เชิงทำนายนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการคุมกำเนิด ทัศนคติต่อการคุมกำเนิด ทัศนคติต่อการตั้งครรภ์ความเชื่อที่เป็นมาตรฐานทางสังคม ความต้องการมีบุตรของคนรัก กับพฤติกรรมการคุมกำเนิดของนักเรียนอาชีวศึกษาหญิงในเขตภาคเหนือตอนบน และศึกษาปัจจัยทำนายพฤติกรรมการคุมกำเนิดของนักเรียนอาชีวศึกษาหญิงกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนหญิงอายุไม่เกิน 18 ปี ที่กำลังศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพในเขตภาคเหนือตอนบนจำนวน 8 จังหวัด ที่ระบุว่ามีเพศสัมพันธ์ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา จำนวน 280 คนคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน รวบรวมข้อมูลโดยใช้ แบบสอบถาม ข้อมูลทั่วไป การรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการคุมกำเนิด ทัศนคติต่อการคุมกำเนิดทัศนคติต่อการตั้งครรภ์ ความเชื่อที่เป็นมาตรฐานทางสังคม สอบถามความความต้องการมีบุตรของคนรัก และแบบสอบถามพฤติกรรมการคุมกำเนิดผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 5 ท่าน และนำไปหาค่าความเที่ยงได้เท่ากับ .84 | .81, .85, .82, .80 และ.83 วิเคราะห์ข้อมูลโดยคำนวณค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์และวิเคราะห์ปัจจัยทำนายด้วยการคำนวณหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณแบบขั้นตอน ผลการวิจัยพบว่า 1. การรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการคุมกำเนิด ทัศนคติต่อการคุมกำเนิด และความเชื่อที่เป็นมาตรฐานทางสังคมมีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมการคุมกำเนิดของนักเรียนอาชีวศึกษาหญิง (r =.40, .13 และ .37, p < .05) ความต้องการมีบุตรของคนรัก (r = -.16, p < .05) มีความสัมพันธ์ทางลบกับพฤติกรรมการคุมกำเนิดและทัศนคติต่อการตั้งครรภ์ไม่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการคุมกำเนิดของนักเรียนอาชีวศึกษาหญิง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = -.003, p > .05) 2. การรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการคุมกำเนิด (β = .31) ความเชื่อที่เป็นมาตรฐานทางสังคม (β = .28)และความต้องการมีบุตรของคนรัก (β = -.16)สามารถร่วมทำนายพฤติกรรมการคุมกำเนิดของนักเรียนอาชีวศึกษาหญิงได้ร้อยละ 25.5

Other Abstract (Other language abstract of ETD)

The purposes of this correlational predictive research were to examine correlation between self efficacy, attitudes toward contraception, attitude toward pregnancy, normative social belief and partner children need and to identify predictive factors of contraceptive behavior. Two hundred and eighty vocational female students in the upper north of Thailand were recruited using multistage random sampling. Data were collected using self efficacy questionnaire, attitude toward contraception questionnaire, attitude toward pregnancy questionnaire, normative social belief questionnaire, partner children need questionnaire and contraception questionnaire. The questionnaires were tested for their content validity by a panel of expert. Their Cronbach’s alpha coefficients were .84, .81, .85, .82, .80, and .83, respectively. Data were analyzed using bivariate correlations and stepwise multiple regression. The results revealed that: 1. Perceived self efficacy, attitude toward contraception and social normative belief were positively and significantly related to contraceptive behavior among vocational female students (r = .40, .13 and .37, p < .05). Partner children need was negatively and significantly related to contraception (r = -.160, p <.05). However, attitude toward pregnancy was not significantly related to contraception(r = -.003, p > .05). 2. Perceived self efficacy (β = .31), social normative belief (β = .28) and partner children need (β = -.16)were significant predictors of contraceptive behavior. Predictive variables accounted for 25.5% of total variance in contraceptive behavior.

Link to Full Text

Share

COinS