Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ความสัมพันธ์ระหว่างเชาว์ปัญญา ความรู้พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ ความสามรถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ นิสัยในการเรียน และทัศนคติในการเรียน กับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

The relationships among intelligence, mathematics background, mathematics problem-solving ability and study habits and attitudes and achievement in learning mathematics of mathayom suksa three students

Year (A.D.)

1985

Document Type

Thesis

First Advisor

สวัสดิ์ ประทุมราช

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

วิจัยการศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1985.310

Abstract

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรทำนาย 5 ตัวแปร ได้แก่ เชาวน์ปัญญา (X₁) ความรู้พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ (X₂) ความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ (X₃) นิสัยในการเรียน (X₄) และทัศนคติในการเรียน (X₅) กับตัวแปรที่ใช้เป็นเกณฑ์ 2 ตัวแปรได้แก่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ตามวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม (Y₁ ) และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ตามการประเมินผลของอาจารย์ประจำวิชา (Y₂ ) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนวิชาคณิตศาสตร์ ค.311 เป็นวิชาเลือก จากโรงเรียนวัดราชบพิธ จำนวน 143 คน โรงเรียนเบญจมราชาลัยจำนวน 133 คน โรงเรียนวัดสังเวชจำนวน 143 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ แบบวัดเชาวน์ปัญญาชื่อ แมทริซีสก้าวหน้ามาตรฐาน แบบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ แบบสำรวจนิสัยในการเรียน และทัศนคติในการเรียน และแบบสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ ค.311 ตามวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ แบบเพิ่มตัวแปรเป็นขั้น ๆ ผลการวิจัย 1. สหสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรเกณฑ์กับตัวแปรทำนาย โดยทดสอบความมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ปรากฏผลดังนี้ 1.1 เมื่อใช้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ตามวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมเป็นตัวแปรเกณฑ์ พบว่าสำหรับโรงเรียนวัดราชบพิธ สหสัมพันธ์มีนัยสำคัญทางสถิติทั้ง 5 ตัวแปร สำหรับโรงเรียนเบญจมราชาลัย สหสัมพันธ์มีนัยสำคัญทางสถิติ 2 ตัวแปร ได้แก่ ตัวแปรทำนาย ความรู้พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ และความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ส่วนโรงเรียนวัดสังเวช สหสัมพันธ์มีนัยสำคัญทางสถิติ 3 ตัวแปร ได้แก่ตัวแปรทำนาย เชาวน์ปัญญา ความรู้พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ และความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ 1.2 เมื่อใช้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ตามการประเมินผลของอาจารย์ประจำวิชาเป็นตัวแปรเกณฑ์ พบว่าสำหรับโรงเรียนวัดราชบพิธ และโรงเรียนวัดสังเวช สหสัมพันธ์มีนัยสำคัญทางสถิติทั้ง 5 ตัวแปร ส่วนโรงเรียนเบญจมราลัยสหสัมพันธ์มีนัยสำคัญทางสถิต 4 ตัวแปร ได้แก่ ความรู้พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ ความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ นิสัยในการเรียน และทัศนคติในการเรียน 2. สหสัมพันธ์พหุคูณ และสมการถดถอยของกลุ่มตัวทำนาย กับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ ในรูปคะแนนมาตรฐาน และคะแนนดิบ ปรากฏผลดังนี้ โรงเรียนวัดราชบพิธ 2.1 เมื่อใช้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ตามวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมเป็นตัวแปรเกณฑ์ สมการถดถอยพหุคูณจะได้ Y₁ = -5.5364+6.9243 X₂ + 0.0476 X₄ | Z ₁ = 0.8272 Z2 + Z ₂ + 0.1030 Z ₄ สหสัมพันธ์พหุคูณ R= .8714 2.2 เมื่อใช้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ตามการประเมินผลของอาจารย์ประจำวิชาเป็นตัวแปรเกณฑ์ สมการถดถอยพหุคูณจะได้ Y2 = -1.8445+1.0005 X₂ + 0.00055 X₄ | Z 2 = 0.8682 Z ₂ + 0.0864 Z ₄ สหสัมพันธ์พหุคูณ R= .9043 โรงเรียนเบญจมราชาลัย 2.3 เมื่อใช้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ตามวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม เป็นตัวแปรเกณฑ์ สมการถดถอยพหุคูณจะได้ Y₁ = -1.7454+4.2416 X₂ + 0.3364 X₃ | Y ₂ = 0.4295 Z ₂ + 0.2356 Z₃ สหสัมพันธ์พหุคูณ R=.5760 2.4 เมื่อใช้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ตามการประเมินผลของอาจารย์ประจำวิชาเป็นตัวแปรเกณฑ์ สมการถดถอยพหุคูณจะได้ Y2 = -2.7984+1.2506 X₂ + 0.0067 X₅ | Z ₂ = 0.7358 Z ₂ + 0.1345 Z5 สหสัมพันธ์พหุคูณ R=.7571 โรงเรียนวัดสังเวช 2.5 เมื่อใช้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ตามวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมเป็นตัวแปรเกณฑ์ สมการถดถอยพหุคูณจะได้ Y₁ = -0.0194+2.3767 X₂ + 0.1237 X₃ | Z ₁ = 0.4764 Z ₂ + 0.1835 Z₃ สหสัมพันธ์พหุคูณ R=.6007 2.6 เมื่อใช้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ตามการประเมินผลของอาจารย์ประจำวิชาเป็นตัวแปรเกณฑ์ สมการถดถอยพหุคูณจะได้ Y2 = -2.6615+1.0270 X₂ + 0.0236 X₁ +0.0062 X₅ | Z ₂ = 0.7271 Z ₂ + 0.1251 Z ₁ +0.1117 Z5 สหสัมพันธ์พหุคูณ R=.8044

Share

COinS