Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การศึกษาการจัดการธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

A study on life insurance management in Thailand

Year (A.D.)

1985

Document Type

Thesis

First Advisor

ทัศนีย์ บุณโยทยาน

Second Advisor

ธีระพล เมฆอธิคม

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

พาณิชยศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

พาณิชยศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1985.468

Abstract

การประกันชีวิตเป็นแผนการเพื่อป้องกันความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และช่วยเสริมสร้างหลักประกันให้แก่ผู้อยู่ในสังคมเพื่อชดเชยส่วนที่ขาดหายหรือบุบสลายไปก่อนเวลาอันสมควร นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งระดมเงินทุนภายในประเทศที่สำคัญแหล่งหนึ่ง ดังนั้นความเจริญเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิตให้แก่ประชาชนและความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศ การศึกษาการจัดการธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทยในวิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงลักษณะการดำเนินงาน ปัญหาและอุปสรรค ที่เกิดขึ้นในการดำเนินธุรกิจดังกล่าวรวมตลอดถึงบทบาทของสำนักงานประกันภัย กระทรวงพาณิชย์ที่มีต่อการดำเนินธุรกิจ เพื่อหาแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขที่เหมาะสมต่อไป จากการศึกษาพบว่าเป็นไปตามข้อสมมติฐานคือ 1. บริษัทที่รับประกันชีวิตแบบสามัญจะมีลักษณะการดำเนินงานแตกต่างจากบริษัทที่รับประกันชีวิตแบบอุตสาหกรรมในด้านต่าง ๆ คือ ด้านสินค้าที่จำหน่าย กลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมาย การเก็บเบี้ยประกันชีวิต การจัดจำหน่าย การส่งเสริมการขาย การควบคุมประเมินผลการทำงาน รวมทั้งผลตอบแทนและสวัสดิการต่างๆ ที่ให้แก่พนักงานตัวแทน 2. ความสนใจของประชาชนไทยที่มีต่อการประกันชีวิตยังอยู่ในระดับที่ต่ำมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มอาเซียน โดยเฉลี่ยแล้วจำนวนกรมธรรม์ต่อประชากรจะคิดเป็นร้อยละ 2.76 ของ จำนวนประชาชนทั้งสิ้น 3. กฎหมายที่ใช้ควบคุมการดำเนินงานของธุรกิจประกันชีวิตในปัจจุบันยังไม่รัดกุมเหมาะสมเท่าที่ควร เช่น ข้อกำหนดเกี่ยวกับทุนจดทะเบียนของบริษัท การวางหลักทรัพย์ของบริษัทไว้กับนายทะเบียน เงินกอง การลงทุนของบริษัท เป็นต้น ซึ่งนับว่าเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้การประกันชีวิตในประเทศไทยไม่พัฒนาเท่าที่ควร สำหรับปัญหาที่บริษัทประกันชีวิตในประเทศไทยต้องประสบอยู่ในปัจจุบันพอสรุปได้ดังนี้ 1. ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน บริษัทประกันชีวิตในประเทศไทยยังขาดผู้บริหารที่มีความรู้ความชำนาญในการบริหารธุรกิจอย่างแท้จริง ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานยังอยู่ในระดับสูง 2. ด้าน การตลาด บริษัทประกันชีวิตโดยทั่วไปจะให้ความสำคัญทางด้านการขายมากกว่าการตลาด ขาดการวิจัยทางด้านการตลาดอย่างเพียงพอ จึงทำให้การดำเนินงานขาดทิศทางที่ถูกต้องเหมาะสม 3. ด้านบุคคล คุณภาพของตัวแทนโดยทั่วไปยังไม่อยู่ในมาตรฐานเดียวกันและมีปัญหาการออกจากงานของตัวแทนอยู่ในระดับสูง 4.ด้านประชาชน ประชาชนโดยทั่วไปยังไม่เห็นคุณประโยชน์ของการประกันชีวิต 5. ด้านรัฐบาล ระเบียบและข้อบังคับต่างๆยังไม่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจประกันชีวิตเท่าที่ควร และเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ขาดความรู้อย่างเพียงพอ แนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้นพอสรุปได้ดังนี้ 1. บริษัทประกันชีวิตควรจะให้ความสนใจกับการพัฒนากำลังคนเพื่อสร้างคนที่มีความรู้ความสามารถมารองรับกับการขยายตัวของกิจการ การบริหารการตลาดควรเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการมากกว่านี้ โดยเฉพาะในด้านการวิจัยตลาดและการส่งเสริมการขาย นอกจากนั้นยังควรจะให้ความสนใจกับคุณภาพของตัวแทนอย่างจริงจังและสร้างสิ่งจูงใจในการทำงานเพื่อให้ตัวแทนเป็นตัวแทนที่ทำงานเต็มเวลามากขึ้น 2. ควรจะได้มีการร่วมมือย่างจริงจังระหว่างภาครัฐบาล บริษัทประกันชีวิตและตัวแทน เพื่อให้ประชาชนได้มีความเข้าใจเห็นความสำคัญของการประกันชีวิตและได้รับประโยชน์สูงสุดจากการประกันชีวิต 3. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐและขจัดข้อกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจประกันชีวิตในปัจจุบันโดยเร่งด่วน.

ISBN

9745661147

Share

COinS