Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การเปรียบเทียบผลการฝึกความอดทนแบบอนากาศนิยม ด้วยความหนักของงานสูงสุด โดยใช้ระยะเวลาต่างกัน

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

A comparision of anaerobic training with maximal intensity by various durations

Year (A.D.)

1985

Document Type

Thesis

First Advisor

เจริญทัศน์ จินตนเสรี

Second Advisor

เฉลิม ชัยวัชราภรณ์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

พลศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1985.211

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาเปรียบเทียบการฝึกความอดทนแบบอนากาศนิยมด้วยความหนักของงานสูงสุด โดยใช้ระยะเวลาต่างกัน 3 แบบ คือ 20 วินาที 30วินาที และ 40 วินาทีกลุ่มตัวอย่างประชากรเป็นนักเรียนย่านที่มีสุขภาพแข็งแรง และไม่เป็นนักกีฬาหรือผู้ที่อยู่ในระหว่างการฝึกซ้อมกีฬาใด ๆ จำนวน 40 คน แบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มทดลอง 3 กลุ่ม และกลุ่มควบคุม 1 กลุ่ม กลุ่มทดลองทุกกลุ่มทำการฝึกด้วยการถีบจักรยานวัดงานที่จัดความฝืดให้มีแรงกดสายพาน 0.067 กิโลปอนด์ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยใช้อัตราเร่งสุดสุดในกลุ่มทดลองที่ 1 ฝึกเที่ยวละ 20 วินาที กลุ่มทดลองที่ 2 ฝึกเที่ยวละ 30 วินาที กลุ่มทื่ 3 ฝึกเที่ยวละ 40 วินาที ซึ่งทุกกลุ่มจะมิปริมาณงานต่อสัปดาห์เท่ากัน และกลุ่มควบคุมไม่มีการฝึกใด ๆ รวมระยะเวลาการฝึกทั้งสิ้น 6 สัปดาห์ ทดสอบความสามารถของทุกกลุ่มก่อนและหลังการฝึก 4 รายการคือ สมรรถภาพแบบอนากาศนิยมด้วย วินเกต แอนแรโรบิค เทสต์ (Wingate Anaerobic test) วิ่งเร็ว 300 เมตร วิ่งเร็ว 80เมตร และยืนกระโดยสูบแตะผนัง 10 ครั้ง นำข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้มาวิเคราะห์โดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ความแปรปรวนร่วมทางเดียว (One_Way Analysis of Co_Varianee) และเปรียบเทียบรายคู่โดยวิธีของดันคัน (Duncan’s New Multiple Range Test)ผลการวิจัยพบว่า 1. สมรรถภาพอนากาศนิยมแบบเฉลี่ย สมรรถภาพอนากาศนิยมแบบสูงสุด และความสามารถในการวิ่งเร็วระยะทาง 300 เมตร ในทุกกลุ่มทดลองมีการเปลี่ยนแปลงดีขึ้นกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 และ.05 แต่สมรรถภาพที่เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มทดลองไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 2. ไม่มีความแตกต่างของความสามารถในการวิ่งเร็วระยะทาง 80 เมตร ในกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. การเพิ่มความสามารถของการยืนกระโดดสูงแตะผนัง 10 ครั้ง เพิ่มขึ้นในกลุ่มทดลองแบบใช้เวลาฝึก 20, 30 วินาทีอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และเพิ่มขึ้นในระหว่างกลุ่มทดลองใช้เวลาฝึก 20 วินาที มากกว่ากลุ่มที่ใช้เวลาฝึก 40 วินาทีอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สรุปได้ว่าการฝึกทั้ง 3 แบบสามารถเพิ่มความอดทดแบบอนากาศนิยมทั้งแบบเฉลี่ยและแบบสูงสุดและเพิ่มสมรรถภาพทางกีฬาชนิดที่ใช้ความอดทนแบบอนากาศนิยมได้ แต่ยังไม่เห็นความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ของผลเพิ่มในการฝึกทั้ง 3 แบบ นอกจากการยืนกระโดดสูงแตะผนัง

Share

COinS