Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

นโยบายการผลิตและการค้ายางพาราในภาคใต้ของไทย พ.ศ. 2444-2503

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Policy of production and marketing of natural rubber in Southern Thailand, 1901-1960

Year (A.D.)

1985

Document Type

Thesis

First Advisor

เพ็ญศรี ดุ๊ก

Second Advisor

ชวลิต สละ

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

อักษรศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

ประวัติศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1985.693

Abstract

วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มุ่งศึกษานโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการผลิตและการค้ายางพาราในภาคใต้ของไทย ตั้งแต่เริ่มนำเมล็ดพันธุ์ยางพาราเข้ามาเผยแพร่ให้ประชาชนปลูกในพ.ศ. 2444 จนถึงรัฐบาลประกาศใช้พระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางในพ.ศ. 2503 ผลการศึกษาวิจัย ปรากฏว่าในสามทศวรรษแรกของการทำสวนยางพารา รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการขยายพื้นที่ปลูกยางเป็นสำคัญ โดยสนับสนุนให้ราษฎรจับจองที่ดินได้ตามกำลังความสามารถ ผลจากนโยบายนี้ได้มีชาวจีนเข้ามาขอจับจองที่ดินทำสวนยางกันทั่วไป ชาวจีนเหล้านี้นอกจากทำสวนยางพาราแล้ว ยังมีผู้ทำการค้ายางอีกด้วย ซึ่งรัฐบาลได้ปล่อยให้การค้ายางดำเนินไปอย่างเสรี ตลาดรับซื้อยางของไทยในระยะแรกนี้ได้แก่ปีนัง และสิงคโปร์ ในช่วง 30 ปีต่อมา เนื่องจากการผลิตและการค้ายางพาราภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ต้องประสพกับภาวะราคายางตกต่ำอย่างมาก จนประเทศผู้ผลิตยางได้รวมกลุ่มกันหาทางฟื้นฟูการผลิตและการค้ายางให้มั่นคงมากขึ้น และได้เชิญชวนรัฐบาลไทยให้เข้าร่วมเป็นภาคีด้วย รัฐบาลในขณะนั้นจึงได้หันมาเอาใจใส่ต่ออาชีพการทำสวนยางพาราของราษฎรในภายใต้มากขึ้น การเข้าเป็นภาคีความตกลงควบคุมจำกัดยางระหว่างประเทศ เป็นการช่วยให้ราษฎรขายยางได้ราคาสูงขึ้น แต่นโยบายปรับปรุงการผลิตยางพาราของรัฐบาลไม่บรรลุผลมากนัก เพราะรัฐบาลขาดความพร้อมหลายด้าน โดยเฉพาะทางด้านวิชาการ คือขาดการค้นคว้าวิจัย กิจการสวนยางของไทยจึงล้าหลังอยู่มาก สำหรับธุรกิจการค้ายางพารา รัฐบาลปล่อยให้เป็นไปโดยเสรีเช่นเดียวกับในเวลาที่ผ่านมา เพียงแต่ให้พ่อค้ายางขออนุญาตทำการค้าให้ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น กิจการค้ายางตกอยู่ในมือของพ่อค้าชาวจีนเกือบทั้งหมด ทั้งนี้เพราะคนไทยไม่ถนัดในการค้าและไม่สนใจที่จะทำการค้าในขณะที่ชาวจีนจำนวนหนึ่งเข้ามาเพื่อลงทุนยางพาราโดยเฉพาะตลาดรับซื้อยางของไทยในช่วงนี้นอกจากมลายูและสิงคโปร์แล้ว ยังมีประเทศอุตสาหกรรมทั้งในยุโรปและอเมริกา ภาวะการค้ายางในตลาดโลกขึ้นอยู่กับประเทศผู้ใช้ยางเป็นสำคัญ ดังนั้น ราคายางจึงเปลี่ยนแปลงขึ้นลงไม่แน่นอนตามกลไกการกำหนดราคาของกลุ่มประเทศ ผู้ใช้ยางตลอดมา และถึงแม้ยางพาราจะเป็นสินค้าออกที่ทำรายได้ให้แก่ประเทศปีละมากๆ ก็ตาม แต่ในระยะที่ราคายางตกต่ำก็ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและสังคมของภาคใต้และต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศโดยส่วนรวมอยู่ไม่น้อย ปัญหาดังกล่าวนี้มีส่วนผลักดันให้รัฐบาลเห็นความจำเป็นจะต้องส่งเสริมให้มีการปรับปรุงการผลิตยางพาราในภาคใต้ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพให้สูงขึ้น โดยการปลูกแทนยางพันธุ์เก่าด้วยยางพันธุ์ดี ซึ่งรัฐบาลได้จัดตั้งกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางขึ้นรับผิดชอบดำเนินการช่วยเหลือการปลูกยางแบบให้เปล่าแก่ชาวสวนยางในเวลาต่อมา

Share

COinS