Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
แนวความคิดทางการเมืองของกลุ่มผู้นำ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวระหว่าง พ.ศ. 2411-2436
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Political thoughts of elite groups in The Reing of King Chulalongkorn During 1863-1893
Year (A.D.)
1985
Document Type
Thesis
First Advisor
สืบแสง พรหมบุญ
Second Advisor
เดช บุนนาค
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
อักษรศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
ประวัติศาสตร์
DOI
10.58837/CHULA.THE.1985.691
Abstract
ในการนำประเทศไปสู่ความเจริญนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริที่จะปรับปรุงระบบบริหารราชการแผ่นดินเสียใหม่ โดยให้พระมหากษัตริย์ทรงได้รับพระราชอำนาจสูงสุดในการบริหารประเทศมูลเหตุแห่งพระราชดำรินี้มีอยู่สองประการ คือ ประการแรก ระบบบริหารราชการแผ่นดินในระยะนั้น ขาดประสิทธิภาพ และเป็นอุปสรรคที่สำคัญประการหนึ่งต่อการปรับปรุงประเทศของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประการที่สอง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงขาดพระราชอำนาจทางการเมือง เนื่องจากอำนาจทางการเมืองส่วนใหญ่อยู่ในครอบครองของกลุ่มขุนนางตระกูลบุนนาค ซึ่งมีสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นผู้นำ ประกอบกับกรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชสมัยนี้ ก็อยู่ในข่ายที่จะเป็นอันตรายต่อพระมหากษัตริย์ การปรับปรุงประเทศตามแนวพระราชดำริข้างต้นนี้ ได้ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรงระหว่างพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ และกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มการเมืองใหญ่ที่คัดค้านพระบรมราโชบายในการปรับปรุงประเทศ ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างกลุ่มผู้นำต่าง ๆ นี้ ก็คือ ลักษณะเด่นของการเมืองไทยต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและแสดงถึงความคิดที่แตกต่างกันของผู้นำในเรื่องนี้ด้วย วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ประสงค์ที่จะศึกษาแนวคิดของผู้นำทางการเมืองกลุ่มใหญ่ ๆ ในต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่สนองตอบต่อพระบรมราโชบายในการปรับปรุงประเทศ กลุ่มการเมืองใหญ่นี้ประกอบด้วย กลุ่มพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กลุ่มผู้สำเร็จราชการแผ่นดินกลุ่มกรมพระราชวังบวรสถานมงคล การศึกษาเกี่ยวกับการปรับปรุงประเทศในรัชสมัยนี้ จากรากฐานของควมคิดที่แตกต่างกันภายในกลุ่มผู้นำต้นรัชกาลจะทำให้สามารถเข้าใจถึงการปรับปรุงประเทศของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ จากการศึกษาพบว่า แนวความคิดที่แตกต่างกันของผู้นำแต่ละกลุ่มในช่วงต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น มีพื้นฐานมาจากความพยายามที่จะปกป้องและช่วงชิงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และการเมืองระหว่างกัน การปรับปรุงประเทศเพื่อให้อำนาจทางการบริหารรวมศูนย์อยู่ที่องค์พระมหากษัตริย์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2416 ได้กระทบกระเทือนผลประโยชน์ของกลุ่มผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน และกลุ่มกรมพระราชวังบวรสถานมงคลอย่างรุนแรง เป็นผลให้ผู้นำของกลุ่มการเมืองทั้งสองด้วยการแสวงหาแนวทางที่จะแสดงถึงสิทธิธรรม และป้องกันผลประโยชน์ของตนมิให้ต้องสูญเสียไป พฤติกรรมที่แสดงออกถึงแนวความคิดของผู้นำที่มีต่อการปรับปรุงประเทศของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น จึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของแต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ บทความต่าง ๆ ในดรุโณวาท แสดงให้เห็นว่า สมเด็จพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์คัดค้านการปรับปรุงประเทศของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวอย่างเปิดเผย และพยายามที่จะแสดงสิทธิธรรมในการครอบครองผลประโยชน์ของตนอย่างเต็มที่ วิธีการหนึ่งที่บุคคลผู้นี้ใช้เพื่อแสดงสิทธิธรรมทางการเมืองของตนก็คือ การลดบทบาทของกลุ่มพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวลง การประหารชีวิตพระปรีชากลการที่มีผลไม้ตระกูลอมาตยกุลต้องจบบทบาททางการเมืองในฐานผู้สนับสนุนพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่สำคัญลงนั้น นับเป็นความสำเร็จของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ในเรื่องนี้ วิกฤติการณ์วังหน้า ซึ่งเกิดขึ้นในปี 2417 และได้มีการนำชาวตะวันตกเข้ามาช่วยในการแก้ไขปัญหานั้น ถือได้ว่าเป็นจุดสูงสุดของความขัดแย้งเพื่อช่วงชิงผลประโยชน์ระหว่างกลุ่มการเมืองใหญ่ และเป็นการต่อต้านของกรมพระราชวังบวรสถานมงคลที่เปิดเผยชัดเจนที่สุด ความสำเร็จในการยุติปัญหาและตัดทอนศักยภาพทางการทหารของกรมพระราชวังบวรสถานมงคลลงไดนั้น เท่ากับเป็นการล้มกลุ่มการเมืองนี้ไปโดยปริยาย และทำให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีฐานะทางการเมืองที่มั่นคงเพิ่มขึ้น ทางด้านพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น ได้ทรงพยายามที่สร้างสิทธิธรรมทางการเมืองและลิดรอนอำนาจของกลุ่มการเมืองทั้งสอง ด้วยการจัดตั้งสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน (Council of State) และสภาที่ปรึกษาในพระองค์ (Privy Council) ขึ้นเพื่อสนับสนุนการดำเนินพระบรมราโชบายด้านการคลังและการควบคุมกำลังคน การถอดพระยาอาทารบริรักษ์ (นุช บุญหลง) ออกจากตำแหน่งเสนาบดีเกษตราธิการ นับเป็นความสำเร็จของการลิดรอนอำนาจของกลุ่มตระกูลบุนนาคลงได้ในระดับหนึ่ง ด้วยการสนับสนุนของสภาที่ปรึกษาราชการ กลุ่มสยามหนุ่มได้มีส่วนอย่างสำคัญในการตอบโต้กลุ่มการเมืองทั้งสองผ่าน “ดรุโณวาท" ซึ่งมีแนวโน้มของหนังสือพิมพ์ทางการเมืองมากขึ้น บทความต่าง ๆ ที่ตีพิมพ์แสดงให้เห็นอย่างเปิดเผยว่า กลุ่มสยามหนุ่มปฏิเสธกลุ่มการเมืองทั้งสอง และสนับสนุนพระบรมราโชบายในการเสริมสร้างสิทธิธรรมทางการเมืองของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อย่างไรก็ดี แนวความคิดเกี่ยวกับวิธีจัดการปกครองประเทศ ที่สมาชิกของกลุ่มสยามหนุ่มบางท่านได้ทูลเกล้าฯ ถวายความคิดเห็นเมื่อปี 2427 มีความแตกต่างไปจากวิธีการที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะทรงนำมาเปลี่ยนแปลงระเบียบการปกครองและการบริหารแผ่นดิน วิธีจัดการปกครองประเทศที่แตกต่างกันนี้ แสดงให้เห็นว่าสยามหนุ่มบางท่านมีความคิดที่ต่างไปจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นพัฒนาการทางความคิดอีกขั้นหนึ่งของกลุ่มพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
ชมะสุนทร, สุภาสินี, "แนวความคิดทางการเมืองของกลุ่มผู้นำ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวระหว่าง พ.ศ. 2411-2436" (1985). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 48513.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/48513