Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

กระบวนการการแบ่งชนชั้นชาวนาในชนบท : ศึกษาเฉพาะชาวนาภาคกลาง พ.ศ. 2485-2524

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

The process of class differentiation in rural Thailand : A case study of peasants in the central plain, 1942-1981

Year (A.D.)

1985

Document Type

Thesis

First Advisor

ฉัตรทิพย์ นาถสุภา

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

อักษรศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

ประวัติศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1985.689

Abstract

นับแต่ก่อตั้งอาณาจักรไทย ประชาชนในสังคมก็ดำเนินชีวิตด้วยการเพาะปลูกข้าว ชาวนาเหล่านี้ได้รับการเรียกขานว่า ทาส และไพร่ ในสังคมที่มีวิถีการผลิตแบบยังชีพ ชาวนาเหล่านี้ต่างมีชีวิตที่ไม่มีความแตกต่างกันมากนักในทางเศรษฐกิจ สิ่งที่เรียกว่า ความแตกต่างในชนชั้นชาวนาจึงยังไม่เกิด หลายๆ อย่างในทางเศรษฐกิจมีความเป็นเอกภาพกัน (Harmony) ในส่วนชาวนา แต่ในส่วนชนชั้นผู้ปกครองก็ยังคงดำเนินการเก็บส่วนเกินต่อไป เมื่อไทยเข้าร่วมอยู่ในกระบวนการผลิตเพื่อขาย ชนชั้นชาวนาไทยก็เริ่มพบกับความแตกต่างในชนชั้นของตนเอง จากการศึกษาพบว่า สังคมไทยในฐานะที่ไม่ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของจักรวรรดินิยมนั้น ชนชั้นปกครองจึงมีบทบาทอย่างมากในการสร้างความแตกต่างทางชนชั้นนี้ และร่วมมือกับทุนการค้าในการพรากปัจจัยการผลิตไปจากชาวนา เริ่มตั้งแต่การกระจายปัจจัยการผลิตสู่ชนชั้นขุนนางและชาวนาที่มีลักษณะไม่เท่าเทียมกันทั้งในด้านสิทธิและวิธีการ จากสภาพของที่ดินที่ใช้เพาะปลูกประกอบกับระบบชลประทานที่เอื้ออำนวยต่อพวกเจ้าที่ดิน ยังผลให้ชาวนาบางส่วนกล้าจะมาเช่านาทำ กลายเป็นชาวนาเช่านับแต่นั้นมา โดยมีคนลาวจากภาคอีสานมารับจ้างบรรดาเจ้าที่ดิน ทำนา การจับจองและบุกเบิกที่นาด้วยการหักร้างถางพง ยังเป็นวิธีการที่ชาวนาส่วนใหญ่ใช้ แต่ด้วยการขาดเทคโนโลยี่โดยเฉพาะระบบชลประทาน ชาวนาก็ยังต้องพึ่งธรรมชาติในการทำการผลิต ภัยทางธรรมชาติซึ่งเป็นเงื่อนไขที่กำหนดไม่ได้ ได้กระหน่ำซ้ำให้ชาวนาเผชิญกับความยากลำบากและสูญเสียที่ดิน ระบบตลาดที่ผู้ผลิตเป็นฝ่ายถูกกระทำ ประกอบกับรัฐให้การสนับสนุนนายทุนในการค้าข้าว ทำให้ชาวนาต้องสูญเสียที่ดินและมีความแตกต่างทางชนชั้นกันมากขึ้น พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ในการครอบงำชาวนาของชนชั้น-ผู้ปกครองได้สร้างให้เกิดลักษณะจารีตอย่างหนึ่ง คือ การรอคอยความช่วยเหลือจากชนชั้นปกครองในผลกลับกัน ผู้ปกครองได้ฉกฉวยว่า นั่นคือบุญคุณที่กระทำให้ชาวนา เมื่อเป็นเช่นนั้นชาวนาจึงมองไม่เห็นบทบาทที่เอาเปรียบของรัฐ และบทบาทของรัฐกับนายทุนก็เป็นเกลียวเชือกในการเอาเปรียบชาวนา เมื่อชาวนาต้องเผชิญกับกระบวนการทางประวัติศาสตร์เหล่านี้ ความแตกต่างทางชนชั้นชาวนาที่เกิดขึ้นของ 2 ขั้วทางชนชั้นที่ตรงข้ามกัน ซึ่งก็คือชาวนาเจ้าที่ดินกับชาวนาไร้ที่ดินอย่างเช่นในประเทศรัสเซีย แต่ประเทศไทยยังคงประกอบด้วยชาวนาจนที่ยังมีที่ดินขนาดย่อมที่พอเพียงเพื่อการผลิตพอยังชีพ แต่ชาวนาขนาดย่อมนี้ต้องทำการผลิตเพื่อขาย ดังนั้น จึงต้องมีการเช่านาเพิ่มและการออกรับจ้างในภาคชนบท นอกจากนั้น ชาวนารวยที่เกิดขึ้นก็เป็นเจ้าที่ดิน-ใหม่ที่เป็นพ่อค้าและนายทุนในท้องถิ่นนั่นเอง ก็ยังคงใช้วิธีการจัดความสัมพันธ์ทางการผลิตแบบเก่า คือนำที่ดินให้ชาวนาเช่า จากการศึกษาพบว่า การเกิดขึ้นของการสูญเสียที่ดินที่ทำให้ชาวนากลายเป็นชาวนาไร้ที่ดินทำกิน นั่นย่อมถือว่าเป็นวิกฤตทางเศรษฐกิจในภาคชนบท และเป็นการทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายคนไปสู่กรรมกร แต่ในสังคมไทยมีเหตุผลหลายอย่างที่มิได้เป็นไปตามนั้น ด้วยเหตุผลที่ขาดแคลนทุนที่จะมาอยู่ในเมือง ความชำนาญในการผลิตทางเกษตร ความรู้สึกว่าเมืองขูดรีดกว่าชนบทในทุกๆ ทาง สภาพการหากินตามธรรมชาติยังทำให้อยู่ในหมู่บ้านได้ และสุดท้ายลักษณะของการประนีประนอมทางชนชั้น ทำให้ความขัดแย้งลดลง เหล่านี้เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ชาวนาไร้ที่ดินทำกินของไทยยังคงพึงพอใจกับการทำงานรับจ้างในท้องถิ่น และนั่นก็หมายความว่า ชนชั้นที่ไร้ซึ่งปัจจัยการผลิตหมดหวังกับชีวิตต้องพึ่งพิงชนชั้นอื่น และมองไม่เห็นทิศทางของการเปลี่ยนแปลงชนชั้นตนเอง

Share

COinS