Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ความคิดเห็นของผู้บริหารและครูโรงเรียนประถมศึกษา ในจังหวัดชายแดนภาคใต้เกี่ยวกับการจัดสอนงานเลือก ของกลุ่มการงานและพื้นฐานอาชีพ

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Opinions of adminstrators and teachers of elementary schools in southern border provinces on teaching management of elective courses in the work oriented experiences area

Year (A.D.)

1985

Document Type

Thesis

First Advisor

วรรณี ศิริโชติ

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

ประถมศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1985.180

Abstract

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความคิดเห็นของผู้บริหารและครูโรงเรียนประถมศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้เกี่ยวกับการจัดสอนงานเลือกกลุ่มการงานและพื้นฐานอาชีพ โดยใช้เครื่องมือเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีลักษณะเป็นแบบเติมคำ และมาตราส่วนประเมินค่า การวิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ตัวอย่างประชากร คือผู้บริหารโรงเรียน 249 คน และครูผู้สอนงานเลือก 471 คน จากโรงเรียนประถมศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เปิดสอนงานเลือกกลุ่มการงานและพื้นฐานอาชีพ ชั้น ป.5 และ ป.6 ปีการศึกษา 2527 ผลการวิจัยเกี่ยวกับการจัดสอนงานเลือกกลุ่มการงานและพื้นฐานอาชีพ ตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียน มีดังนี้ 1. ผู้บริหารโรงเรียนร่วมกับครูผู้สอนเป็นผู้ตัดสินใจเลือกสอนงานเลือกในโรงเรียนเป็นส่วนใหญ่ โดยคำนึงถึงครูที่มีความสามารถในการสอนและความเหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น 2. ผู้บริหารโรงเรียนเห็นด้วยมาก ต่อการเปิดสอนงานเลือกในโรงเรียน 3. มีความพอใจในระดับมากต่อการสอนของครูและการเรียนของนักเรียน โดยเฉพาะการเอาใจใส่ในการสอนของครู และการเอาใจใส่ในการเรียนของนักเรียน ยกเว้นการติดตามผลการนำไปใช้และการจำหน่ายผลผลิตของนักเรียนที่ผู้บริหารโรงเรียนพอใจในระดับน้อย 4. มีปัญหามากที่สุดเกี่ยวกับงบประมาณในการจัดซื้อวัสดุฝึกงานและอุปกรณ์มีไม่เพียงพอ และการขาดครูที่มีความสามารถในการสอน ส่วนความคิดเห็นของครูผู้สอนงานอาหารและโภชนาการ งานการทำสวนผัก งานสาน และงานประดิษฐ์ เศษวัสดุเหลือใช้ในท้องถิ่น มีดังนี้ 1. ศึกษาเนื้อหาของงานที่สอนจากใบความรู้และเอกสารทั่วๆไป แต่เห็นว่าหนังสือสำหรับค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมมีอยู่ในปริมาณที่น้อย 2. งานเลือกที่สอนสอดคล้องกับสภาพของท้องถิ่นที่โรงเรียนตั้งอยู่ในระดับมาก 3. ในท้องถิ่นมีบุคคลที่มีความรู้เกี่ยวกับงานที่สอน แต่ไม่มีสถานประกอบอาชีพอิสระ และไม่มีแหล่งจำหน่ายผลผลิต (ยกเว้นงานการทำสวนผักที่ครูผู้สอนเห็นว่าในท้องถิ่นมีแหล่งจำหน่ายผลผลิต) 4. อัตราส่วนเฉลี่ยของอุปกรณ์ต่อจำนวนนักเรียน แต่ละงานเลือก เป็นดังนี้ 4.1 งานอาหารและโภชนาการ อุปกรณ์ที่นักเรียนใช้ประจำตัว ได้แก่ จาน ช้อน ถ้วย ส่วนครกใช้ 1 อัน ต่อนักเรียน 20คน 4.2 งานการทำสวนผัก ใช้จอบขุด บัวรดน้ำ และส้อมพรวนดิน 1อัน ต่อนักเรียน 2-4 คน ส่วนเครื่องพ่นยาฆ่าแมลงใช้ 1 เครื่อง ต่อนักเรียน 51คน 4.3 งานสาน ใช้กรรไกร 1 เล่ม ต่อนักเรียน 4 คน และใช้มีดเหลา 1เล่มต่อนักเรียน 26คน 4.4 งานประดิษฐ์เศษวัสดุเหลือใช้ในท้องถิ่น ใช้กรรไกรตัดกระดาษ 1 เล่ม ต่อนักเรียน 3คน และใช้ค้อนอันเล็ก 1 อันต่อนักเรียน 29 คน 5. มีความพอใจระดับมากต่อการปฏิบัติงานของนักเรียนตามจุดประสงค์การเรียนรู้แต่การกำหนดราคาจำหน่ายสำหรับงานอาหารและโภชนาการ งานการทำสวนผัก และงานประดิษฐ์ เศษวัสดุเหลือใช้ในท้องถิ่น การออกแบบสำหรับงานสานที่ครูผู้สอนมีความพอใจในระดับน้อย 6. มีปัญหาเกี่ยวกับการขาดวัสดุอุปกรณ์การสอน และผู้ปกครองให้ความร่วมมือน้อย 7. การเตรียมและการจัดการเรียนการสอนงานเลือก ครูผู้สอนปฏิบัติได้สูงสุด คือการนำวัสดุที่หาง่ายในท้องถิ่นมาใช้สอน การสอนให้นักเรียนลงมือปฏิบัติจริง การสอนให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่ม การให้ความสำคัญต่อผลสำเร็จของงานที่ทำ และการให้ความสำคัญต่อกระบวนการทำงานเป็นลำดับขั้นตอน

Share

COinS