Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การวิเคราะห์กฎหมายเกี่ยวกับปัญหาน้ำเสียในประเทศไทย / ไพศาล ภู่ไพบูลย์

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Legal analysis on water pollution in Thailand

Year (A.D.)

1986

Document Type

Thesis

First Advisor

สุนีย์ มัลลิกะมาลย์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

นิติศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

นิติศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1986.415

Abstract

ปัญหาน้ำเสียนับเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมปัญหาหนึ่งที่ส่งผลกระทบถึงสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ในสังคม เนื่องจากน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญของร่างกาย อีกทั้งน้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตทั้งในด้านอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม และเกษตรกรรม ตลอดจนการประกอบภารกิจในชีวิตประจำวัน ซึ่งน้ำเหลือใช้จากทุกกิจกรรมเป็นต้นเหตุของปัญหาน้ำเสีย จนกล่าวได้ว่าสาเหตุของน้ำเสียเกิดจาก 3 แหล่ง คือ น้ำทิ้งจากแหล่งชุมชน น้ำทิ้งจากแหล่งอุตสาหรรม และน้ำจากแหล่งเกษตรกรรม ในการควบคุมและแก้ไขมิให้แหล่งน้ำธรรมชาติเกิดการเน่าเสียนั้น จำเป็นต้องใช้ความรู้ในหลายสาขาวิชา ทั้งด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมสุขาภิบาล เศรษฐศาสตร์ การบริหาร รัฐศาสตร์ รวมทั้งการควบคุมและบังคับใช้กฎหมาย ดังนั้น นิติศาสตร์ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการวางกฎเกณฑ์ เพื่อการควบคุมมิให้แหล่งน้ำเน่าเสีย อันเป็นการควบคุมที่ต้นเหตุ รวมทั้งการบังคับลงโทษผู้ฝ่าฝืนกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่กำหนดไว้ ตลอดจนการเยียวยาความเสียหาย (remedy) แก่ผู้ได้รับความเดือดร้อนและเสียหาย อันเกิดจากการกระทำของบุคคลที่ระบายน้ำเสียและสิ่งปฏิกูลลงสู่แหล่งน้ำจนก่อให้เกิดอันตรายแก่สุขภาพอนามัย ชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของบุคคลอื่น อันเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุอีกประการหนึ่ง ประเทศไทยปัญหาน้ำเสียนับเป็นปัญหาเรื้อรังที่รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยพยายามหาทางแก้ไข แต่เนื่องจากขาดความเข้มงวดทางด้านรูปแบบและการบังคับใช้กฎหมาย เพราะกฎหมายที่ใช้ควบคุมและแก้ไขน้ำเสียของไทยในปัจจุบันมิได้เป็นกฎหมายควบคุมสภาวะแวดล้อมทางน้ำอย่างแท้จริง อาทิเช่น พระราชบัญญัติโรงงาน เป็นกฎหมายที่ร่างขึ้นเพื่อควบคุมการประกอบกิจการด้านอุตสาหกรรม ซึ่งมีบางส่วนร่างขึ้นเพื่อป้องกันและควบคุมมิให้โรงงานอุตสาหรรมก่อความเสียหายแก่แหล่งน้ำธรรมชาติอันเกิดจากการระบายของเสียจากโรงงานสู่แหล่งน้ำอันมีลักษณะเป็นกฎหมายที่มีส่วนอนุรักษ์แหล่งน้ำเท่านั้น สำหรับใช้ด้านการดำเนินการเพื่อลงโทษผู้ฝ่าฝืนก็เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินั้นๆ รวมทั้งมีการนำกฎหมายอาญามาปรับใช้ในบางกรณี ส่วนการดำเนินคดีฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนระหว่างเอกชนด้วยกันก็คงใช้กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ลักษณะละเมิด โดยทั่วไปมาใช้บังคับ ซึ่งกรณีดังกล่าวก่อให้เกิดปัญหาในการพิสูจน์ความผิดของผู้ก่อความเสียหายในประเทศที่เจริญทางด้านการควบคุมและแก้ไขสภาวะแวดล้อมทางน้ำ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศญี่ปุ่น มีกฎหมายควบคุมและแก้ไขสภาวะแวดล้อมทางน้ำโดยเฉพาะ โดยในกฎหมายดังกล่าวมีทั้งในส่วนที่กำหนดอำนาจหน้าที่ขององค์กรที่ทำหน้าที่ดูแลสภาพความสมบูรณ์ของแหล่งน้ำ ส่วนที่กำหนดมาตรฐานคุณภาพแหล่งน้ำและมาตรฐานที่อนุญาตให้ปล่อยน้ำทิ้งลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติได้ รวมทั้งกฎหมายในส่วนที่กำหนดหลักในการดำเนินคดีหรือบังคับให้เป็นไปตามกฎหมายโดยการกำหนดบทลงโทษที่รุนแรงแก่ผู้ฝ่าฝืนกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ สำหรับประเทศไทย การนำรูปแบบของการควบคุมและแก้ไขสภาวะแวดล้อมทางน้ำยังอยู่ในระยะเริ่มต้น อาทิเช่น มีการกำหนดมาตรฐานคุณภาพน้ำทิ้งในกิจการอุตสาหรรมการกำหนดมาตรฐานน้ำทิ้งชุมชน การกำหนดมาตรฐานชั้นของคุณภาพน้ำ โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบเป็นการเฉพาะเท่านั้น ส่วนในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อการลงโทษผู้ฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายรวมทั้งวางกฎเกณฑ์ให้ผู้ก่อให้เกิดปัญหาน้ำเสียต้องมีส่วนในความรับผิดชอบยังจะต้องมีการปรับปรุงกฎหมายในส่วนดังกล่าวนี้ต่อไปและควรมีการนำหลักเกณฑ์ในการฟ้องร้องบังคับคดีแก่ผู้ก่อความเสียหายระหว่างเอกชนด้วยกัน โดยหลักความรับผิดเคร่งครัด (Strict Liabilily) มาใช้บังคับแทนการพิจารณาโดยอาศัยกฎหมายแห่งลักษณะละเมิดทั่วไปอย่างเช่นปัจจุบัน ตลอดจนการจัดให้มีองค์กรบริหารแหล่งน้ำ (River Authority) เป็นการเฉพาะ เพื่อการควบคุมดูแลการใช้น้ำและการระบายของเสียลงสู่แหล่งน้ำให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการจัดเก็บภาษีการระบายน้ำทิ้งลงสู่แหล่งน้ำในโอกาสต่อๆ ไป ดังเช่น แนวนโยบายและวิธีปฏิบัติในประเทศที่เจริญก้าวหน้าทางด้านการควบคุมและแก้ไขปัญหาน้ำเสียดังกล่าวแล้ว

Share

COinS