Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การใช้วิธี "โลกแคบ" ศึกษาพฤติกรรมการสื่อสารของผู้ป่วยกามโรค กรณีศึกษา ณ ศูนย์กามโรคเขต 1 สระบุรี

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

The use of the "Small World" method in the study of communicative behavior of venereal disease patients : a case study at regional V.D. center I Saraburi

Year (A.D.)

1986

Document Type

Thesis

First Advisor

ศิริชัย ศิริกายะ

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

การประชาสัมพันธ์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1986.392

Abstract

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เข้าใจถึงพฤติกรรมการสื่อสารในระหว่างผู้ป่วยกามโรคว่ามีขอบข่ายในการเชื่อมโยงมากน้อยเพียงใด และเพื่อความเข้าใจถึงลักษณะปัจจัยต่าง ๆ เช่น สภาพทางเศรษฐกิจสังคม ระดับความผูกพัน ที่มีส่วนสัมพันธ์ในพฤติกรรมการแสวงหาสารสนเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกามโรคของผู้ป่วยและผู้ร่วมสื่อสาร ประชากรที่ได้ศึกษาทั้งหมด 92 ราย คือ ผู้ป่วยกามโรคที่มารับการตรวจรักษาที่ศูนย์กามโรค และผู้ป่วยทั้งหมดนี้เป็นผู้ที่เคยมารับบริการที่ศูนย์กามโรคนี้ก่อนหน้านี้แล้ว ในการวิจัย ผู้วิจัยได้ตั้งสมมุติฐานของการวิจัยไว้ 6 ประการ คือ 1. พฤติกรรมการสื่อสารในระหว่างผู้ป่วยกามโรค เป็นไปในลักษณะ “โลกแคบ" (Small world) 2. การแสวงหาสารสนเทศเกี่ยวกับสถานบริการและหญิงอาชีพพิเศษ ผู้ป่วยจะมีการสื่อสารกับบุคคลที่มีสภาพทางเศรษฐกิจสังคมคล้ายคลึงกันมากกว่าผู้ที่มีสภาพแตกต่างกัน 3. ผู้ป่วยจะมีการแสวงหาสารสนเทศเกี่ยวกับสถานบริการและหญิงอาชีพพิเศษจากบุคคลที่มีความผูกพันอย่างแน่นแฟ้นมากกว่าผู้ที่มีความผูกพันอย่างผิวเผิน 4. ผู้ป่วยจะมีการแสวงหาสารสนเทศเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล จากบุคคลที่มีสภาพทางเศรษฐกิจสังคมคล้ายคลึงกันมากกว่าบุคคลที่มีสภาพแตกต่างกัน 5. ผู้ป่วยเมื่อต้องการสารสนเทศที่ถูกต้องในเรื่องการรักษาพยาบาล จะมีการสื่อสารกับบุคคลที่มีความผูกพันอย่างผิวเผินมากกว่าผู้ที่ผูกพันอย่างแน่นแฟ้น 6. ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสังคม มีความสัมพันธ์กับปริมาณสารสนเทศ เรื่องกามโรค ที่ผู้ป่วยได้รับ จากการทดสอบสมมุติฐาน ปรากฏว่าสมมุติฐานที่ 1 ได้รับการยืนยันว่าเป็นจริงได้ส่วนหนึ่ง ส่วนสมมุติฐานข้อที่ 2, 3, 4, และ 5 ได้รับการยืนยันทุกข้อ สำหรับสมมุติฐานข้อที่ 6 นอกจากจะได้รับการยืนยันแล้ว ยังพบอีกว่าผลตอบแทนในทางเศรษฐกิจสังคมมีความสัมพันธ์กับปริมาณสารสนเทศ เรื่องกามโรคที่ผู้ป่วยได้รับในเชิงปฏิฐานอีกด้วย จากผลการวิจัยดังกล่าว ผู้วิจัยได้เสนอแนะให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานควบคุมกามโรคให้ความสนใจในการแพร่กระจายสารสนเทศที่เป็นความรู้เรื่องกามโรคออกสู่ประชาชนโดยผ่านสื่อมวลชนให้มากขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสได้รับการสนเทศที่ถูกต้องได้มากขึ้นและสะดวกขึ้นและเพื่อให้ลักษณะความเป็นเรื่องในลักษณะ “ต้องห้าม" ของกามโรคลดลง และได้เสนอแนะให้เห็นประโยชน์ในการใช้ทรัพยากรบุคคลให้เป็นประโยชน์ในการกระจายสารสนเทศ คือผู้ขายยาและผู้ป่วยกามโรค โดยเน้นถึงการส่งสารสนเทศที่ถูกต้องในการควบคุมป้องกันกามโรคที่ถูกต้องให้แก่บุคคลเหล่านี้ เพื่อให้แพร่กระจายต่อไปในชุมชนและในกลุ่มบุคคลที่ซึ่งจะก่อให้เกิดผลดีในงานควบคุมกามโรคต่อไป

Share

COinS