Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
ต้นทุนและผลตอบแทนจากการลงทุนปลูกสวนป่ายูคาลิปตัส คามาลดูเลนซิส ภาคเอกชน ในจังหวัดฉะเชิงเทรา
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Cost and return on investment of private eucalyptus camaldulensis plantation in Chachoengsao Province
Year (A.D.)
1986
Document Type
Thesis
First Advisor
กัญญา นวลแข
Second Advisor
บุญวงศ์ ไทยอุตส่าห์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
บัญชีมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
การบัญชี
DOI
10.58837/CHULA.THE.1986.457
Abstract
การลดลงอย่างรวดเร็วของพื้นที่ป่าไม้ทำให้เกิดผลเสียทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อม รัฐบาลได้พยายามแก้ไขปัญหานี้โดยการปลูกป่าไม้ทดแทนป่าไม้ที่ถูกทำลายไป แต่เนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณและบุคลากรทำให้การบรรลุเป้าหมายการปลูกป่าไม้ทดแทนเป็นไปได้ยาก ทางรัฐบาลจึงได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้เอกชนมีส่วนร่วมในการปลูกป่ามากขึ้น โดยเฉพาะไม้โตเร็วอย่าง ยูคาลิปตัส คามาลดูเลนซิส แต่การชักจูงให้เอกชนมาลงทุนปลูกสร้างสวนป่ายูคาลิปตัสนั้นจะต้องทำให้เอกชนมีความมั่นใจพอสมควรว่าจะได้ผลคุ้มค่า วิทยานิพนธ์นี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงต้นทุนและผลตอบแทนจากการลงทุนปลูกสร้างสวนป่ายูคาลิปตัสของภาคเอกชน โดยใช้รอบตัดฟัน 5 ปี ในการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนจากการลงทุนปลูกสร้างสวนป่ายูคาลิปตัสของภาคเอกชน ผู้วิจัยได้สำรวจข้อมูลจากเกษตรกรในจังหวัดฉะเชิงเทราและใช้วิธีการเลือกตัวอย่างแบบน่าจะเป็น (Probability Sampling) โดยทำการสุ่มตัวอย่างมา 33 รายจากรายชื่อเกษตรกรที่ทำการปลูกสร้างสวนป่ายูคาลิปตัส ผลการศึกษาปรากฏว่า การลงทุนปลูกสร้างสวนป่ายูคาลิปตัสเท่าที่ผ่านมาเป็นการลงทุนที่น่าสนใจและให้ผลตอบแทนสูง คือ มีต้นทุนเฉลี่ยไร่ละ 2,676.57 บาท รายได้เฉลี่ยไร่ละ 7,694.44 บาท ทำให้มีกำไรเฉลี่ยไร่ละ 5,017.87 บาท ทั้งนี้ เพราะการปลูกและบำรุงรักษาสวนป่ายูคาลิปตัสทำได้โดยง่าย ทำให้เสียค่าใช้จ่ายในการปลูกค่อนข้างต่ำ และในปัจจุบันยังไม่มีผลผลิตของสวนป่ายูคาลิปตัสออกสู่ตลาดมากนัก ราคาของไม้ยูคาลิปตัสจึงอยู่ในระดับสูง เมื่อศึกษาถึงมูลค่าปัจจุบันของกำไรสุทธิและอัตราผลตอบแทนทางการเงินสูงสุด (อัตราผลตอบแทนภายใน) ปรากฏว่า มูลค่าปัจจุบันของกำไรสุทธิต่อไร่เท่ากับ 3,702.50 บาท และ 2,805.77 บาท สำหรับอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 11.5 และ 17.5 ตามลำดับ ส่วนอัตราผลตอบแทนทางการเงินสูงสุดมีถึงร้อยละ 31.5 และเพื่อให้ข้อมูลมีประโยชน์ต่อการตัดสินใจมากขึ้นจึงได้ทำการประเมินค่าโครงการโดยแบ่งเป็น 2 กรณีคือ กรณีที่ 1 เป็นกรณีที่เกษตรกรหรือผู้ลงทุนมีที่ดินของตนเอง จะได้กำไรจากการปลูกสร้างสวนป่ายูคาลิปตัสในทุกระดับอัตราหักลด ซึ่งพิจารณาได้จากมูลค่าปัจจุบันของกำไรสุทธิต่อไร่ที่มีค่า 2,186.59 บาท และ 1,262.18 บาท สำหรับอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 11.5 และ 17.5 ตามลำดับ และมีอัตราผลตอบแทนทางการเงินสูงสุดร้อยละ 31.2 เมื่อนำความอ่อนไหวของโครงการเข้ามาพิจารณาแล้วผลกำไรก็ยังมีอยู่ ส่วนกรณีที่ 2 เป็นกรณีที่เกษตรกรหรือผู้ลงทุนไม่มีที่ดินของตนเอง จะได้กำไรเมื่อใช้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากเป็นอัตราหักลดเท่านั้น คือ มีมูลค่าปัจจุบันของกำไรสุทธิเท่ากับ 669.56 บาท สำหรับอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 11.5 และมีมูลค่าปัจจุบันของขาดทุนสุทธิเท่ากับ 366.83 บาท สำหรับอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 17.5 ส่วนอัตราผลตอบแทนทางการเงินสูงสุดมีเพียงร้อยละ 15.2 แสดงว่าถ้าเกษตรกรหรือผู้ลงทุนต้องลงทุนซื้อที่ดินและกู้เงินเพื่อนำมาปลูกสร้างสวนป่ายูคาลิปตัส จะทำให้เกิดผลขาดทุน นอกจากนี้ผู้วิจัยได้ค้นคว้าจากเอกสารทางวิชาการต่าง ๆ เพื่อพิจารณาถึงวิธีการแสดงผลการดำเนินงานและฐานะการเงินที่เหมาะสมสำหรับกิจการปลูกสร้างสวนป่ายูคาลิปตัส จากการศึกษาได้แนวทางในการปฏิบัติทางบัญชี 2 วิธีคือ วิธีทางการบัญชีที่เคร่งครัด (conventional accounting method) และวิธีการตีมูลค่าสวนป่า (capital valuation method) วิธีทางการบัญชีที่เคร่งครัดเป็นวิธีที่ถือปฏิบัติและยอมรับกันทั่วไปในปัจจุบัน โดยการรับรู้รายได้เมื่อมีการขายเกิดขึ้นเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถแสดงผลการดำเนินงานในช่วงปีแรก ๆ ที่ยังไม่ได้ขายสวนป่า ส่วนวิธีการตีมูลค่าสวนป่าเป็นวิธีที่รับรู้รายได้ระหว่างผลิต โดยถือว่ามูลค่าของสวนป่าที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการเจริญเติบโตเป็นรายได้อย่างหนึ่ง วิธีนี้เป็นวิธีที่ยังไม่นิยมปฏิบัติกันอย่างแพร่หลาย แต่เป็นวิธีที่สามารถแสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินงานของกิจการได้ตั้งแต่ปีที่เริ่มเพาะปลูก ทำให้ผู้บริหารได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์และทันต่อเหตุการณ์ อย่างไรก็ดีนักบัญชีควรจะพิจารณาถึงประโยชน์ของข้อมูลที่ได้รับจากวิธีนี้ โดยอาจจะนำมาใช้เป็นข้อมูลเพิ่มเติมในการเสนอรายงานการเงินต่อผู้บริหาร และคาดว่าในอนาคตหากราคาไม้ยูคาลิปตัสมีความแน่นอน วิธีนี้อาจจะเป็นวิธีที่ถือปฏิบัติและยอมรับกันทั่วไป ปัญหาที่เกษตรกรประสบมาก คือ ปัญหาด้านเงินลงทุน เนื่องจากการลงทุนปลูกสร้างสวนป่ายูคาลิปตัสเป็นการลงทุนระยะยาว ทำให้เกษตรกรไม่มีรายได้ในช่วงที่ยังไม่สามารถขายผลผลิตจากสวนป่า และสถาบันการเงินยังไม่ค่อยนิยมให้สินเชื่อแก่เกษตรกร สำหรับการปลูกสวนป่า ทั้งนี้เพราะไม่แน่ใจเกี่ยวกับภาวะตลาดของไม้ยูคาลิปตัสในอนาคต ฉะนั้นหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องควรจัดหาแหล่งเงินทุนให้เกษตรกรและหาลู่ทางสร้างตลาดไม้ยูคาลิปตัส โดยอาจจะชักจูงให้เอกชนก่อตั้งอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ใช้ไม้ยูคาลิปตัสเป็นวัตถุดิบ นอกจากนั้นควรให้ความรู้แก่เกษตรกรในการนำระบบวนเกษตรมาใช้โดยการปลูกพืชแทรกในช่องว่างระหว่างแถวหรือทำการเลี้ยงผึ้งในสวนป่ายูคาลิปตัส เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ในช่วงที่ยังไม่สามารถขายผลผลิตจากสวนป่า
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
ชาติบัญชาชัย, นุชจรี, "ต้นทุนและผลตอบแทนจากการลงทุนปลูกสวนป่ายูคาลิปตัส คามาลดูเลนซิส ภาคเอกชน ในจังหวัดฉะเชิงเทรา" (1986). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 48002.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/48002