Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การศึกษาการให้บริการต่อผู้ใช้ไฟฟ้าและการจัดเก็บค่ากระแสไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
A study on service and bill collection of metropolitan electricity authority
Year (A.D.)
1986
Document Type
Thesis
First Advisor
สุพล ผลโกศล
Second Advisor
สุภาภรณ์ พลนิกร
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
พาณิชยศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
พาณิชยศาสตร์
DOI
10.58837/CHULA.THE.1986.488
Abstract
ผลการวิจัยปรากฏว่า ในจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 301 ราย เป็นผู้ใช้ไฟฟ้าใหม่จำนวน 153 ราย (หมายถึงผู้ตอบแบบสอบถามที่เคยติดต่อในเรื่องขอติดตั้งเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าใหม่กับการไฟฟ้านครหลวง) และเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าที่ไม่เคยขอติดตั้งเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าใหม่จำนวน 148 รายในกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าใหม่นี้พบว่า ผู้ตอบส่วนมากไม่พอใจในการให้บริการของการไฟฟ้านครหลวงเกี่ยวกับการขอติดตั้งเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าร้อยละ 67.97 โดยมีผู้ที่พึงพอใจต่อการให้บริการของการไฟฟ้านครหลวงเกี่ยวกับการขอติดตั้งเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าร้อยละ 32.03 จึงพิสูจน์สมมติฐานในข้อที่ 1 ที่ว่าผู้ใช้ไฟฟ้าใหม่ไม่พึงพอใจต่อการให้บริการของการไฟฟ้านครหลวงเกี่ยวกับการขอติดตั้งเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า เป็นจริง จากผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนทั้งหมด มีผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีความสามารถชำระค่าไฟฟ้าผ่านทางธนาคารร้อยละ 46.51 (ซึ่งหมายถึงผู้ตอบแบบสอบถามที่ชำระค่าไฟฟ้าด้วยวิธีหักบัญชีเงินฝากธนาคารอยู่แล้ว หรือที่คิดว่าการชำระค่าไฟฟ้าโดยวิธีนี้เป็นวิธีที่ตนสะดวก) ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ไม่สามารถชำระค่าไฟฟ้าผ่านธนาคารร้อยละ 47.18 (ผู้ไม่ตอบร้อยละ 6.31) ในกลุ่มที่ผู้ที่มีความสามารถชำระค่าไฟฟ้าผ่านทางธนาคารนี้มีความพึงพอใจที่จะชำระค่าไฟฟ้าผ่านทางธนาคารมากกว่าที่จะให้พนักงานของการไฟฟ้านครหลวงออกไปจัดเก็บเองคิดเป็นร้อยละ 55.00 จึงพิสูจน์สมมติฐานข้อที่ 2 ที่ว่าผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีความสามารถชำระค่ากระแสไฟฟ้าผ่านทางธนาคาร มีความพึงพอใจในการบริการชำระค่ากระแสไฟฟ้าผ่านทางธนาคารมากกว่าที่จะให้พนักงานการไฟฟ้านครหลวงออกไปจัดเก็บเองได้ว่าเป็นจริง และในจำนวนผู้ที่มีความสามารถชำระค่าไฟฟ้าผ่านทางธนาคารได้นี้มีผู้พึงพอใจที่จะให้พนักงานของการไฟฟ้านครหลวงไปจัดเก็บเองมากกว่าชำระค่าไฟฟ้าผ่านทางธนาคารคิดเป็นร้อยละ 40.71 (ผู้ไม่ตอบร้อยละ 4.29) สำหรับในกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามที่ไม่สามารถชำระค่าไฟฟ้าผ่านทางธนาคาร มีผู้พึงพอใจที่จะให้พนักงานของการไฟฟ้านครหลวงไปจัดเก็บเองมากกว่าที่จะชำระค่าไฟฟ้าผ่านทางธนาคารร้อยละ 85.71 และผู้พึงพอใจชำระค่าไฟฟ้าผ่านทางธนาคารมากกว่าที่จะให้พนักงานของการไฟฟ้านครหลวงไปจัดเก็บเองเพียงร้อยละ 3.11 (ผู้ไม่ตอบร้อยละ 11.18) โดยที่เหตุผลที่ทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่สะดวกในการชำระค่าไฟฟ้าผ่านทางธนาคารส่วนใหญ่ได้แก่ ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่มีเงินฝากในธนาคาร เหตุผลรองลงมาคือ ไม่เข้าใจวิธีชำระค่าไฟฟ้าด้วยวิธีนี้ในกรณีที่มีปัญหาหรือข้อผิดพลาดทำให้แก้ไขได้ยาก และอาจไม่มีเงินฝากในบัญชีพอให้ชำระค่าไฟฟ้าได้ ตามลำดับ จากการวิจัยพบว่าระยะเวลาของการจัดเก็บเงินค่ากระแสไฟฟ้าจากลูกค้าส่วนมาก (ร้อยละ 60.00 ของรายได้ทั้งหมด) ของการไฟฟ้านครหลวงส้นกว่าระยะเวลาการชำระหนี้ค่ากระแสไฟฟ้าที่ซื้อมาจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (ระยะเวลาการเก็บหนี้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยประมาณ 34 วัน นับจากวันที่จดบันทึกหน่วยการจำหน่ายไฟฟ้าประจำเดือน จนกระทั่งถึงวันที่สิ้นสุดการชำระหนี้) โดยมีรายละเอียด คือ การไฟฟ้านครหลวงสามารถดำเนินการจัดเก็บเงินค่าไฟฟ้าจากผู้ใช้ไฟฟ้ากลุ่มแรก ซึ่งได้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าเอกชนที่ใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยต่อเดือนตั้งแต่หนึ่งแสนบาทขึ้นไปคิดเป็นร้อยละ 46.67 ของรายได้ทั้งหมด และผู้ใช้ไฟฟ้าเอกชนที่ใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยต่อเดือนตั้งแต่ 10,000-99,999 บาท ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 13.33 ของรายได้ทั้งหมด ได้เร็วกวาระยะเวลาชำระหนี้ค่ากระแสไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่ใช้เวลาดำเนินการ และให้สินเชื่อไว้ประมาณ 14 วัน และ 4 วัน ตามลำดับ สำหรับกลุ่มที่สองได้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าเอกชนที่ใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่าหนึ่งหมื่นบาทซึ่งมีจำนวนร้อยละ 26.67 ของรายได้ทั้งหมด สามารถจัดเก็บค่าไฟฟ้าได้นานกว่าระยะเวลาการ[ชำระหนี้]ค่ากระแสไฟฟ้าที่ซื้อมาจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยประมาณ 15 วัน และกลุ่มสุดท้ายคือ กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าหน่วยงานราชการนั้นคิดเป็นร้อยละ 13.33 ของรายได้ทั้งหมด ใช้ระยะเวลาในการเก็บเงินค่าไฟฟ้านานกว่าระยะเวลาการชำระหนี้ค่ากระแสไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยประมาณ 21 วัน จะเห็นได้ว่าการไฟฟ้านครหลวงต้องรับภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากความล่าช้าในการเก็บเงินค่ากระแสไฟฟ้าจากผู้ใช้ไฟฟ้าในกลุ่มหน่วยงานราชการ และรวมถึงกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าเอกชนที่ใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่าหนึ่งหมื่นบาทเพียงบางส่วน โดยที่มีร้อยละ 60.00 ของรายได้ สามารถจัดเก็บได้เร็วกว่าระยะเวลาชำระหนี้ เพราะฉะนั้นการไฟฟ้านครหลวงจึงได้รายได้จากดอกเบี้ยเงินฝากที่เก็บค่าไฟฟ้าได้เร็ว มากกว่าดอกเบี้ยที่เสียไปอันเนื่องจากความล่าช้าในการจัดเก็บค่ากระแสไฟฟ้า ดังนั้นสมมติฐานในข้อ 3 ที่ว่าระยะเวลาของการจัดเก็บเงินค่ากระแสไฟฟ้ามีความล่าช้ากว่าระยะเวลาการชำระหนี้ค่ากระแสไฟฟ้าที่ซื้อมาจึงไม่เป็นจริง
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
ชานวาทิก, พิเชษฐ์, "การศึกษาการให้บริการต่อผู้ใช้ไฟฟ้าและการจัดเก็บค่ากระแสไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง" (1986). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 47362.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/47362
ISBN
9745661325