Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
ปฏิสัมพันธ์ของความซับซ้อนของสีในภาพเขียนกับอัตราเวลาในการเสนอที่มีต่อการจำได้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
The interaction of complexity of color painting and rates of presentation in recognition of lower secondary school students
Year (A.D.)
1986
Document Type
Thesis
First Advisor
เชาวเลิศ เลิศชโลฬาร
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
ครุศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
โสตทัศนศึกษา
DOI
10.58837/CHULA.THE.1986.66
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปฎิสัมพันธ์ของความซับซ้อนของสีในภาพเขียนกับอัตราเวลาในการเสนอที่มีต่อการจำได้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น กลุ่มตัวอย่างประชากร เป็นนักเรียนจากชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ปีการศึกษา 2528 โรงเรียนเบญจมราชูทิศ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี จำนวน 300 คน สุ่มจากนักเรียนจำนวน 855 คน และโรงเรียนคุรุราษฎร์รังสฤษฏ์ อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี จำนวน 200 คน สุ่มจากนักเรียนจำนวน 540 คน ทุกคนไม่เป็นคนตาบอดสี ด้วยการทดสอบตาบอดสีของ เอส อิซิฮารา จากนั้นจึงจัดกลุ่มตัวอย่างโดยวิธีสุ่มตัวอย่างอย่างง่ายเป็น 20 กลุ่ม ๆ ละ 25 คน เพื่อเข้ารับการทดลอง กลุ่มตัวอย่างแต่ละกลุ่มจะได้รับการเสนอภาพที่มีความซับซ้อนของสีต่างกัน คือ ภาพเขียนสีเหมือนจริง ภาพเขียนสีเดียว ภาพเขียนลายเส้นสีเหมือนจริง และภาพเขียนลายเส้นสีเดียว ภาพเขียนแต่ละแบบประกอบด้วยชุดตัวเร้า 30 ภาพ และชุดตัวลวง 15 ภาพ ส่วนอัตราเวลาในการเสนอภาพแต่ละแบบแบ่งเป็น 5 อัตรา คือ 1 วินาที/ภาพ 3วินาที/ภาพ 5วินาที/ภาพ 7วินาที/ ภาพ และ 9 วินาที/ภาพ การเสนอภาพมี 2 ขั้นตอน คือ ตอนที่ 1 เสนอภาพชุดตัวเร้า 30 ภาพ ตอนที่ 2 กลุ่มตัวอย่างกลุ่มเดิมจะได้รับการเสนอภาพ 45 ภาพ ซึ่งประกอบด้วยภาพชุดตัวลวง 15 ภาพ ที่ถูกสุ่มตำแหน่งปะปนกับภาพชุดตัวเร้าเดิม 30 ภาพ และอัตรา เวลาในการเสนอเท่ากับอัตราเวลาเดิม ในการเสนอตอนที่ 2 ให้กลุ่มตัวอย่างประชากรแต่ละคนตอบว่าภาพใดเป็นภาพที่เคยดูแล้ว และภาพใดเป็นภาพที่ยังไม่เคยดูมาก่อนลงในกระดาษคำตอบที่แจกให้ ข้อมูลที่ได้จากการทดสอบนำมาวิเคราะห์ความแปรปรวนสองทาง และทดสอบความแตกต่างระหว่างคู่โดยใช้วิธีของตูกี ผลการวิจัยพบว่า 1. ความซับซ้อนของสีในภาพเขียนทั้ง 4 แบบ มีผลต่อการจำได้ของนักเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 ภาพ เขียนสีเหมือนจริงมีผลต่อการจำได้ของนักเรียนสูงสุด และภาพเขียนสีเดียวมีผลต่อการจำได้ของนักเรียนต่ำสุด 2.อัตราเวลาในการเสนอที่ต่างกันมีผลต่อการจำได้ของนักเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 อัตราเวลาในการเสนอที่มีผลต่อการจำได้ ของนักเรียนต่ำสุดคือ 1 วินาที/ภาพ และอัตราเวลาในการเสนอที่มีผลต่อการจำได้ของนักเรียนสูงสุด คือ 7 วินาที/ภาพ 3. ความซับซ้อนของสีในภาพเขียนกับอัตราเวลาในการเสนอที่มีต่อการจำได้ของนักเรียนมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 กล่าวคือ 3.1 ภาพเขียนสีเหมือนจริง มีผลต่อการจำได้ของนักเรียนสูงสุด เมื่อเสนอด้วยอัตราเวลา 9 วินาที/ภาพ 3.2 ภาพเขียนสีเดียว มีผลต่อการจำได้ของนักเรียนสูงสุด เมื่อเสนอด้วยอัตราเวลา 7 วินาที/ ภาพ 3.3 ภาพเขียนลายเส้นสีเหมือนจริง มีผลต่อการจำได้ของนักเรียนสูงสุดเมื่อเสนอด้วยอัตราเวลา 5 วินาที/ภาพ 3.4 ภาพเขียนลายเส้นสีเดียว มีผลต่อการจำได้ของนักเรียนสูงสุดเมื่อเสนอด้วยอัตราเวลา 3 วินาที/ภาพ
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
จันทร์เทพย์, วิวรรธน์, "ปฏิสัมพันธ์ของความซับซ้อนของสีในภาพเขียนกับอัตราเวลาในการเสนอที่มีต่อการจำได้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น" (1986). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 47987.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/47987