Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการเสนอภาพและแบบการคิด ที่มีต่อการเรียนรู้กฎของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
n interaction of visual presentation formats and cognitive styles on rule learning of mathayom suksa three students
Year (A.D.)
1986
Document Type
Thesis
First Advisor
วชิราพร อัจฉริยโกศล
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
ครุศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
โสตทัศนศึกษา
DOI
10.58837/CHULA.THE.1986.57
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปฏิสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการเสนอภาพและแบบการคิดที่มีต่อการเรียนรู้กฎของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 180 คน จากโรงเรียนแม่ริมวิทยาคม และโรงเรียนสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ปีการศึกษา 2528 ซึ่งได้จำแนกนักเรียนตามลักษณะของแบบการคิด คือแบบฟอลด์ดีเพนเดนซ์ ฟิลด์ อินดีเพนเดนซ์ และแบบกลางระหว่างฟิลด์ ดีเพนเดนซ์กับฟิลด์ อินดีเพนเดนซ์ ด้วยแบบทดสอบ เดอะ กรุ๊ป เอมเบดเดด ฟิกเกอร์ เทสต์ (Withkin, Oltman, Raskin and Karp 1971) สุ่มนักเรียนทั้ง 3 กลุ่มโดยวิธีสุ่มแบบแบ่งชั้น กลุ่มละ 60 คน แบ่งกลุ่มตัวอย่างทั้ง 3 กลุ่ม ออกเป็นกลุ่มละ 2 กลุ่มย่อย ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างอย่างง่าย เพื่อเข้ารับการทดลองตามรูปแบบการเสนอภาพ 2 รูปแบบ คือการเสนอภาพแบบเดี่ยว และแบบพร้อมกัน เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองเป็นภาพสไลด์ชุด 15 ชุด สำหรับการเสนอกฎ 15 กฎ ภาพสไลด์แต่ละชุดมี 4 ภาพ แต่ละภาพฉายให้ปรากฏบนจอเป็นเวลา 7 วินาที ส่วนเครื่องมือที่ใช้วัดการเรียนรู้กฎเป็นแบบทดสอบปรนัยแบบ 4 ตัวเลือก ให้เวลาในการทำแบบทดสอบข้อละ 30 วินาที แบบทดสอบนี้ใช้ควบคู่กับการฉายสไลด์เพื่อเสนอกฎแต่ละกฎ นำข้อมูลที่รวบรวมได้มาวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบ 2 ทางและเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยเป็นรายคู่ด้วยวิธีการของเซฟเฟ ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. นักเรียนที่มีแบบการคิดต่างกัน (แบบฟิลด์ ดีเพนเดนซ์ ฟิลด์ อินดีเพนเดซ์ และแบบกลางระหว่างฟิลด์ ดีเพนเดนซ์กับฟิลด์ อินดีเพนเดนซ์)เมื่อเรียนด้วยภาพที่เสนอแบบเดี่ยวและแบบพร้อมกัน เรียนรู้กฎได้ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 2. นักเรียนที่เรียนโดยการเสนอภาพแบบเดี่ยว และแบบพร้อมกัน เรียนกฎได้แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3. นักเรียนที่มีแบบการคิดต่างกัน เรียนรู้กฎได้แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 4. นักเรียนที่มีลักษณะการคิดแบบฟิลด์ ดีเพนเดนซ์ ที่เรียนโดยการเสนอภาพทั้งแบบเดี่ยวและแบบพร้อมกัน เรียนรู้กฎได้ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 5. นักเรียนที่มีลักษณะการคิดแบบกลางระหว่างฟิลด์ ดีเพนเดนซ์กับฟิลด์ อินดีเพนเดนซ์ ที่เรียนโดยการเสนอภาพแบบพร้อมกันเรียนรู้กฎได้ดีกว่าที่เรียนโดยการเสนอภาพแบบเดี่ยว อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 6. นักเรียนที่มีลักษณะการคิดแบบฟิลด์ อินดีเพนเดนซ์ ที่เรียนโดยการเสนอภาพแบบพร้อมกัน เรียนรู้กฎได้ดีกว่าที่เรียนโดยการเสนอภาพแบบเดี่ยว อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 7. ในการเรียนเรียนรู้กฎโดยการเสนอภาพแบบพร้อมกัน นักเรียนที่มีลักษณะการคิดแบบฟิลด์ อินดีเพนเดนซ์ เรียนรู้กฎได้ดีกว่านักเรียนที่มีลักษณะการคิดแบบฟิลด์ ดีเพนเดนซ์และแบบกลางระหว่างฟิลด์ ดีเพนเดนซ์กับฟิลด์ อินดีเพนเดนซ์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
ลิขิตตระกูลรุ่ง, สุรศักดิ์, "ปฏิสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการเสนอภาพและแบบการคิด ที่มีต่อการเรียนรู้กฎของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3" (1986). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 47978.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/47978