Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ปฏิสัมพันธ์ระหว่างการจัดตำแหน่งออร์แกนไนเซอร์แบบเนื้อเรื่องย่อ ในการเสนอบทเรียนวิทยุโรงเรียน และระดับความเข้าใจในการฟังต่อผลการเรียนรู้ด้านพุทธพิสัย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

The interaction of the positions of abstract organizer for the school radio program and levels of listening comprehension upon the cognitive learning of prathom suksa two students

Year (A.D.)

1986

Document Type

Thesis

First Advisor

กิตานันท์ มลิทอง

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

โสตทัศนศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1986.55

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปฏิสัมพันธ์ระหว่างการจัดตำแหน่งออร์แกนไนเซอร์แบบเนื้อเรื่องย่อ ในการเสนอบทเรียนวิทยุโรงเรียน และระดับความเข้าใจในการฟัง ต่อผลการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่าง 90 คน เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2528 โรงเรียนวัดนาคปรก เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร จากจำนวนทั้งหมด 180 คน จำแนกตามระดับความเข้าใจในการฟัง ด้วยแบบทดสอบวัดความเข้าใจในการฟัง เป็นระดับสูง ระดับปานกลาง และระดับต่ำ จากกลุ่มตัวอย่างในแต่ละระดับความเข้าใจในการฟังนี้นำมาสุ่มตัวอย่างอย่างง่าย เป็นกลุ่มตัวอย่างที่มีระดับความเข้าใจในการฟังสูง 30 คน ระดับปานกลาง 30 คน และระดับต่ำ 30 คน จากนั้นนำกลุ่มตัวอย่างทั้งสามระดับมาสุ่มตัวอย่างอีกครั้งหนึ่งเป็นกลุ่มทดลอง 3 กลุ่ม แต่ละกลุ่มทดลองประกอบด้วย กลุ่มที่มีระดับความเข้าใจในการฟังสูง 10 คน ระดับปานกลาง 10 คน และระดับต่ำ 10 คน กลุ่มทดลองที่ 1 ได้รับการจัดออร์แกนไนเซอร์แบบเนื้อเรื่องย่อก่อนการฟังบทเรียนวิทยุโรงเรียน กลุ่มทดลองที่ 2 ได้รับการจัดออร์แกนไนเซอร์แบบเนื้อเรื่องย่อหลังการฟังบทเรียนวิทยุโรงเรียน และกลุ่มทดลองที่ 3 ได้รับการจัดออร์แกนไนเซอร์แบบเนื้อเรื่องย่อไว้ทั้งก่อนและหลังการฟังบทเรียนวิทยุโรงเรียน หลังจากนั้นให้กลุ่มทดลองทั้ง 3 กลุ่มทำแบบทดสอบวัดผลการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัย นำคะแนนที่ได้มาวิเคราะห์ความแปรปรวนสองทาง และเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ ตามวิธีของนิวแมน คูลส์ ผลการวิจัยสรุปผลได้ดังนี้ คือ 1. ไม่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างการจัดตำแหน่งออร์แกนไนเซอร์แบบเนื้อเรื่องย่อในการเสนอบทเรียนวิทยุโรงเรียน และระดับความเข้าใจในการฟังต่อผลการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัยของนักเรียน 2. การจัดออร์แกนไนเซอร์แบบเนื้อเรื่องย่อในการเสนอบทเรียนวิทยุโรงเรียนทั้ง 3 ตำแหน่ง มีผลการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัยของนักเรียนไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 3. นักเรียนที่มีระดับความเข้าใจในการฟังต่างกัน จะมีผลการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัยแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยที่ 3.1 นักเรียนที่ระดับความเข้าใจในการฟังสูง มีผลการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัยสูงกว่าระดับปานกลาง และระดับต่ำ 3.2 นักเรียนที่ระดับความเข้าใจในการฟังปานกลาง มีผลการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัยสูงกว่าระดับต่ำ

Share

COinS