Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ลักษณะของนักเรียนที่เข้าศึกษาในโรงเรียนเตรียมทหาร ปีการศึกษา 2526

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Characteristics of students at the Royal Thai Armed Forces Preparatory Academy in academic year 1983

Year (A.D.)

1985

Document Type

Thesis

First Advisor

พรชุลี อาชวอำรุง

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

อุดมศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1985.360

Abstract

วัตถุประสงค์ของการวิจัย มี 3 ประการ คือ 1) เพื่อศึกษาลักษณะเฉพาะของนักเรียนเตรียมทหารที่เข้าใหม่ ในปีการศึกษา 2526 โดยศึกษาในลักษณะเฉพาะทั้ง 5 ด้าน ของแต่ละเหล่า ได้แก่ ด้านข้อมูลเฉพาะในฐานะเป็นนักเรียนเตรียมทหาร การศึกษาในระดับมัธยม แผนการศึกษาและอาชีพ ภูมิหลังของครอบครัวและความคิดเห็นทั่วไป 2) เพื่อสร้างภาพรวมด้านคุณลักษณะทั้ง 5 ด้าน ของนักเรียนเตรียมทหาร ทั้ง 4 เหล่า 3) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบภาพรวมด้านคุณลักษณะทั้ง 5 ด้าน ของนักเรียนเตรียมทหาร ทั้ง 4 เหล่า วิธีดำเนินการวิจัย ได้แก่ ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนเตรียมทหาร ปีการศึกษา 2526 ซึ่งมีจำนวนประชากรทั้งหมด 916 คน ได้รับแบบสอบถามคืน 798 ฉบับ หรือคิดเป็นร้อยละ 87.22 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบมาตราวัดลักษณะเฉพาะของนักเรียนเตรียมทหารที่เข้าใหม่ ซึ่งมีส่วนประกอบ 5 ตอน คือ ตอนที่ 1 เป็นข้อมูลเฉพาะในฐานะเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ตอนที่ 2 ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาในระดับมัธยมศึกษา ตอนที่ 3 แผนการศึกษาและอาชีพ ตอนที่ 4 ภูมิหลังของครอบครัว ตอนที่ 5 ความคิดเห็นทั่วไป การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้วิธีหาค่าร้อยละ ค่าไคสแควร์ การวิเคราะห์ความแปรปรวน การเปรียบเทียบรายคู่โดยวิธีเชฟเฟ่ สรุปผลการวิจัย คือ จากการวิจัยได้พบว่า 1) ภาพรวมด้านคุณลักษณะทั้ง 5ด้าน ของนักเรียนเตรียมทหารทั้ง 4 เหล่า สรุปได้ดังนี้ คือ นักเรียนเหล่าทหารบก มีอายุ 19 ปี และเป็นบุตรทหารตำรวจ บิดา มารดา มีความรู้ระดับประถมศึกษา เป็นนักเรียนจบมาจากโปรแกรมวิทยาศาสตร์ ส่วนใหญ่มาจากจังหวัดในภาคกลาง มีผลการเรียนอยู่ในระดับปานกลางและค่อนข้างต่ำ ไม่เคยเป็นผู้นำในกลุ่มเพื่อน แต่มีความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรียน เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วคิดจะศึกษาต่อแต่ยังไม่ได้วางแผนการศึกษาแน่นอนมีความตั้งใจที่ออกรับราชการชายแดน และทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมมากที่สุด นักเรียนเหล่าทหารเรือ มีอายุ 20 ปี และเป็นบุตรทหารและตำรวจ บิดามารดามีความรู้ระดับประถมศึกษา เป็นนักเรียนจบจากโปรแกรมวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ส่วนใหญ่มาจากจังหวัดในภาคกลาง มีผลการเรียนอยู่ในระดับปานกลางและค่อนข้างสูง เมื่อจบการศึกษาแล้วพอใจที่จะรับราชการอยู่ในจังหวัดใหญ่ๆ มีความตั้งใจที่จะศึกษาต่อ แต่ยังไม่ได้วางแผนการศึกษาแน่นอน นักเรียนเหล่าทหารอากาศ มีอายุ 20 ปีมากที่สุด และเป็นบุตรทหารตำรวจและพ่อค้าหรือนักธุรกิจ บิดามารดามีความรู้ระดับประถมศึกษา เป็นนักเรียนจบโปรแกรมวิทยาศาสตร์ ส่วนใหญ่มาจากจังหวัดในภาคกลาง มีผลการเรียนอยู่ในระดับปานกลางค่อนข้างต่ำ เมื่อจบการศึกษาแล้วพอใจที่จะรับราชการในจังหวัดใหญ่ มีความตั้งใจจะทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมบ้าง นักเรียนเหล่าตำรวจ มีอายุ 19 ปี และเป็นบุตรทหารตำรวจบิดามารดามีความรู้ระดับประถมศึกษา เป็นนักเรียนจบจากโปรแกรมวิทยาศาสตร์ ส่วนใหญ่มาจากจังหวัดในภาคกลาง มีผลการเรียนอยู่ในระดับปานกลางค่อนข้างสูง เมื่อจบการศึกษาแล้ว ตั้งใจจะศึกษาต่อด้านการปกครอง และมีความตั้งใจที่จะทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมอย่างแน่นอน แต่ต้องการรับราชการในกรุงเทพมหานคร 2) การศึกษาเปรียบเทียบลักษณะเฉพาะ ทั้ง 5 ด้านของนักเรียนเตรียมทหาร ทั้ง 4 เหล่า 2.2) การเปรียบเทียบลักษณะเฉพาะทั้ง 5 ด้าน พบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 ในเรื่องอายุของนักเรียนเตรียมทหาร คือ นักเรียนเหล่าทหารบกและเหล่าตำรวจมีอายุ 19 ปีเท่ากัน แต่นักเรียนเหล่าทหารเรือและเหล่าทหารอากาศ มีอายุ 20 ปี นักเรียนส่วนใหญ่เลือกศึกษาในเหล่าเดียวกับบิดาของตน นอกจากนักเรียนเหล่าทหารเรือมีบิดาเป็นทั้งทหารบกและทหารเรือ มารดาของนักเรียนเหล่าทหารบก เหล่าทหารเรือและเหล่าตำรวจเป็นแม่บ้าน นอกจากนักเรียนเหล่าทหารอากาศ มีมารดาประกอบอาชีพค้าขายหรือทำธุรกิจส่วนตัว เมื่อเปรียบเทียบกันในระหว่างเหล่ามีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 นักเรียนเหล่าทหารบกและเหล่าตำรวจชอบวิชาคณิตศาสตร์ ส่วนนักเรียนเหล่าทหารอากาศและเหล่าทหารเรือ ชอบวิชาวิทยาศาสตร์ เมื่อเปรียบเทียบกันในระหว่างเหล่ามีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 เมื่อเปรียบเทียบกันในเรื่องคะแนนเฉลี่ยเมื่อเปรียบเทียบกันในเรื่องคะแนนเฉลี่ยมัธยมศึกษาตอนปลาย พบว่า คะแนนของนักเรียนเหล่าทหารบกและเหล่าทหารอากาศมีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่านักเรียนเหล่าทหารเรือและเหล่าตำรวจ โดยแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 ในด้านแผนการศึกษาในอนาคต นักเรียนเหล่าตำรวจเหล่าเดียวที่มีแผนการศึกษาแน่นอน ต่างจากนักเรียนอีก 3 เหล่า อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 นักเรียนเหล่าทหารเรือและเหล่าทหารอากาศต้องการรับราชการในจังหวัดใหญ่ส่วนนักเรียนเหล่าทหารบกต้องการรับราชการที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร 2.2) ในการเปรียบเทียบนักเรียนเตรียมทหารทั้ง 4 เหล่า พบว่ามีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 ในเรื่องคะแนนสอบเข้าภาควิชาการ คือ นักเรียนเหล่าทหารเรือ มีคะแนนสูงกว่านักเรียนเหล่าตำรวจ เหล่าทหารบกและเหล่าทหารอากาศ

Share

COinS