Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การเปรียบเทียบลักษณะทีพึงประสงค์ของอาจารย์ตามความคิดเห็น ของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มีลักษณะเชิงสิทธันต์ต่างกัน

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

A comparison of idea characteristics of university instructors according to the opinions of Chulalongkorn University students with different levels of dogmatism

Year (A.D.)

1985

Document Type

Thesis

First Advisor

ประกอบ คุปรัตน์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

อุดมศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1985.356

Abstract

วัตถุประสงค์ของการวิจัย การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะเชิงสิทธันต์ของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและเปรียบเทียบ โดยจำแนกตามตัวแปร เพศ ระดับชั้นปี คณะวิชา และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกับความคิดเห็นของนิสิตที่มีต่อลักษณะที่พึงประสงค์ของอาจารย์จำแนกตามลักษณะเชิงสิทธัต์สูง-ต่ำ สมมติฐานของการวิจัย สมมติฐานของการวิจัยครั้งนี้ คือ นิสิตที่มีเพศ ระดับชั้นปี คณะวิชา และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแตกต่างกันจะมีลักษณะเชิงสิทธันต์ต่างกัน และนิสิตที่มีลักษณะเชิงสิทธันต์แตกต่างกัน จะมีความคิดเห็นต่อลักษณะที่พึงประสงค์ของอาจารย์ต่างกัน วิธีดำเนินการวิจัย การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยแบบสำรวจ กลุ่มตัวอย่างประชากรเป็นนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระดับปริญญาตรี ในคณะต่างๆ รวม 15 คณะ ใช้วิธีสุ่มตัวอย่างแบบแยกประเภท (Stratified Random Sapling) จำนวน 796 คน เครื่องมือใช้ในการวิจัยเป็นแบบวัด ซึ่งปรับปรุงจากแบบวัดลักษณะเชิงสิทธันต์ ของ รอคีช ฟอร์มอี (Rokeach’s Dogmatism Scale Form E.) แบบมาตราส่วนประเมินค่าและแบบสอบถามความคิดเห็นต่อลักษณะพึงประสงค์ของอาจารย์ ซึ่งผู้วิจัยแปลมาจากแบบสอบถามในงานวิจัย เลเนอร์ด ที่สอง (Leonard II 1973) เป็นคำถามที่บังคับให้เลือกตอบอย่างใดอย่างหนึ่ง (Forced Chiced Questions) ในการวิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีหาค่าร้อยละ (Percent) หาค่าเฉลี่ย (x ̅) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ที-เทสต์ (T-test) วิเคราะห์ความแปรปรวน (ANOVA) การทดสอบรายคู่ด้วยวิธีของเชฟเฟ (Scheffe) และการหาค่าได-สแควร์ (Chi Square) สรุปผลการวิจัย 1. นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีลักษณะเชิงสิทธันต์อยู่ในระดับกลาง คือสามารถยอมรับฟังความคิดเห็นแตกต่างไปจากของตัวเอง ค่อนข้างมีเหตุผล รู้จักวิเคราะห์ วิจารณ์ไม่พึ่งพาให้ผู้มีอำนาจ ยอมรับการเปลี่ยนแปลง มีความอดกลั้น 2. นิสิตเพศชายและหญิง มีลักษณะเชิงสิทธันต์ไม่แตกต่างกัน 3. นิสิตศึกษาอยู่ในระดับชั้นปีต่างกัน มีลักษณะเชิงสิทธันต์แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 คือ นิสิตชั้นปีที่สอง มีลักษณะเชิงสิทธันต์สูงสุด และนิสิตชั้นปีที่สี่มีลักษณะเชิงสิทธันต์ต่ำที่สุด 4. นิสิตที่ศึกษาในคณะวิชาต่างกัน มีลักษณะเชิงสิทธันต์แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 นิสิตคณะเภสัชศาสตร์ มีลักษณะเชิงสิทธันต์สูงที่สุด และนิสิตคณะอักษรศาสตร์มีลักษณะเชิงสิทธันต์ต่ำที่สุด 5. นิสิตที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่างกัน มีลักษณะเชิงสิทธันต์ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 นิสิตที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง (G.P.A. 3.0-3.5) เป็นนิสิตที่มีลักษณะเชิงสิทธันต์ต่ำที่สุด และนิสิตที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ (G.P.A. 2.0-2.5) เป็นนิสิตที่มีลักษณะเชิงสิทธันต์สูงที่สุด 6. นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เห็นว่าอาจารย์ที่พึงประสงค์ คือ อาจารย์ที่ไม่เคร่งครัดความประมวลการสอน อนุญาตให้นิสิตกำหนดแนวการเรียนด้วยตนเอง เลือกเข้าหรือไม่เข้าชั้นเรียนได้ ปรับปรุงรายวิชาโดยยึดถือหลักวิชาชีพ สอนโดยอาศัยเอกสารประกอบอื่นๆ มากกว่าตำราเรียน เปิดโอกาสให้นิสิตแลกเปลี่ยนประสบการณ์ พยายามสร้างความสัมพันธ์เป็นการส่วนตัวกับนิสิต มีบทบาทในสาขาวิชาของตน เป็นที่คุ้นเคยในหมู่นิสิตใช้เวลาส่วนใหญ่ให้กับนิสิต เป็นอาจารย์ที่มีความสามารถปานกลางแต่ให้คะแนนดี และเมื่อให้นิสิตประเมินอาจารย์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากลักษณะที่พึงประสงค์ดังกล่าว นิสิตส่วนใหญ่มีความเห็นค่อนข้างพึงพอใจในอาจารย์ 7. นิสิตที่มีลักษณะเชิงสิทธันต์แตกต่างกัน มีความเห็นต่อลักษณะที่พึงประสงค์ของอาจารย์แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 ในเรื่องลักษณะต่างๆ 4 ลักษณะจาก 14 ข้อ คำถาม ข้อเสนอแนะ จากผลการวิจัย ผู้วิจัยเสนอแนะว่า การพิจารณารับอาจารย์ นอกเหนือจากความสามารถทางวิชาการแล้ว ควรให้ความสำคัญกับบุคลิกภาพของอาจารย์ และความสนใจของอาจารย์ต่อนิสิตด้วย ผู้บริหารควรสนับสนุนส่งเสริมอาจารย์ที่ทำงานกิจการนิสิต เช่น การเป็นที่ปรึกษากิจกรรม เป็นต้น และอาจารย์ควรถือเป็นหน้าที่ในการที่จะมีส่วนช่วยให้นิสิตได้พัฒนาเป็นคนที่สมบูรณ์ นอกเหนือจากหน้าที่ในการสอน ซึ่งมหาวิทยาลัยควรมีนโยบายที่ชัดเจนในการที่จะพัฒนานิสิตไปในแนวทางที่พึงประสงค์ นอกจากนี้ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบลักษณะเชิงสิทธันต์ของนักศึกษาสถาบันอุดมศึกษาอื่นๆ รวมทั้งตัวแปรต่างๆ ที่จะมีผลต่อลักษณะเชิงสิทธันต์ และศึกษาเปรียบเทียบความแตกต่างทางความคิดเห็นต่อลักษณะที่พึงประสงค์ของอาจารย์ ของนักศึกษาในสาขาวิชาต่างกันและในสถาบันต่างกัน

Share

COinS