Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
ผลของหญ้าหนวดแมว (พยับเมฆ) ต่อการทำงานของไตหนูแรท
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Effects of Java tea (Orthosiphon stamineus) on renal functions in rats
Year (A.D.)
1985
Document Type
Thesis
First Advisor
ณรงค์ศักดิ์ ชัยบุตร
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
สรีรวิทยา
DOI
10.58837/CHULA.THE.1985.561
Abstract
หญ้านวดแมว หรือพยับเมฆ ชื่อสามัญ คือ ชาชวาใช้เป็นยาขับปัสสาวะรักษานิ่วและโรคในระบบทางเดินปัสสาวะ การศึกษาครั้งนี้เพื่อหาข้อมูลสนับสนุน การออกฤทธิ์ของหญ้านวดแมว จะมีผลต่อการทำงานของไตโดยตรงหรือไม่ และมีส่วนสัมพันธ์ต่อการทำงานของระบบไหลเวียนเลือดอย่างไร โดยใช้หนูแรทพันธุ์วิสต้า 50 ตัว เพศผู้ แบ่งการทดลองเป็น 2 การทดลองคือ การทดลองที่ 1 ใช้หนู 20 ตัว ศึกษาแบบเฉียบพลันในหนูที่วางยาสลบโดยให้น้ำชงหญ้าหนวดแมว 10 % น้ำหนักต่อปริมาตร (W/V) ทางสายยางจากปากสู่กระเพราะอาหารจำนวน 1 มิลลิลิตรต่อน้ำหนักตัว 300 กรัม โดยใช้หนู 10 ตัว และหนูอีกกลุ่มหนึ่งจำนวน 10 ตัวให้น้ำละลายผงโปรแตสเซียม 36 มิลลิอิคิววาเลนท์ต่อลิตร เป็นตัวเปรียบเทียบวิธีและจำนวนให้เท่ากันการทดลองที่ 2 แบ่งหนูเป็น 3 กลุ่มๆ ละ 10 ตัว เลี้ยงไว้ในกรงที่ดวงปริมาณน้ำกิน และแยกเก็บปัสสาวะได้ แยกกลุ่มทดลองโดยให้เป็นกลุ่มน้ำชงหญ้าหนวดแมว, กลุ่มน้ำละลายผงโปแตสเซียมคลอไรด์และกลุ่มน้ำเปล่าเป็นกลุ่มควบคุม แต่ละกลุ่มให้ความเข้มข้นสารเท่ากับที่ให้ในการทดลองที่ 1และให้กินเป็นระยะเวลานาน 7 วัน พบว่าในกลุ่มที่ได้รับหญ้าหนวดแมวแบบเฉียบพลันทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น และความดันโลหิตต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญในชั่วโมงที่ 1 และ 2 (P<0.05) แต่เมื่อศึกษาในกลุ่มที่ได้รับเวลานาน 7 วัน กลับพบว่าอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (P<0.05) จึงอาจกล่าวได้ว่าผลต่อระบบไหลเวียนเลือดในร่างกายไม่ใช้โปรแตสเซียมเป็นตัวสำคัญ แต่เชื่อว่าเกิดจากฤทธิ์ของอัลคาลอยด์ออร์โธซีฟอนกลับโคไซด์ที่อยู่ในหญ้าหนวดแมว ซึ่งมีผลต่อระบบประสาทพาราซึมพาราเธอติดสำหรับผลของหญ้าหนวดแมวที่ให้แบบเฉียบพลันต่อการทำงานของไตไม่พบว่ามีผลต่ออัตราการขับปัสสาวะ อัตราการกรองของไต (GFR) และอัตราการไหลเวียนเลือดผ่านไต (RBF) แต่ทำให้สัดส่วนที่ขับออกของโซเดียม (FENa) และคลอไรด์ (FEC1) เพิ่มขึ้นในชั่วโมงที่ 2 อย่างมีนัยสำคัญ (P<0.025) รวมถึงอัตราการขับทิ้งของโปแตสเซียม (UKV) ลดลง และปริมาณโปแตสเซียมในพลาสมา (PK) สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (P<0.05) และในกลุ่มที่ได้รับน้ำชงละลายโปรแตสเซียมคลอไรด์ก็พบว่าระดับโปแตสเซียมในพลาสมา (PK) อัตราการขับทิ้งคลอไรด์ (UC1V) และสัดส่วนที่ขับทิ้งของคลอไรด์ (FEC1) เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (P<0.05) ในชั่วโมงที่ 2หลังให้สารละลายโปแตสเซียมคลอไรด์ การศึกษาผลของหญ้าหนวดแมวที่ให้เป็นระยะเวลานาน 7 วัน พบว่าสัดส่วนการกรองของไต (FF) มีค่าต่ำอย่างมีนัยสำคัญ (P<0.05) พร้อมกับการลดลงของอัตราการกรองของไต (GFR) และอัตราการไหลเวียนของพลาสมาผ่านไต (RPF) ซึ่งไม่เป็นสัดส่วนกัน เมื่อศึกษาถึงอัตราส่วนของปริมาณน้ำกินต่อปริมาณปัสสาวะ (Intake/output) พบว่า กลุ่มกินน้ำชงหญ้าหนวดแมวสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ และไม่มีการเปลี่ยนแปลงของปริมาณน้ำอิสระและ Osmolar clearance จึงไม่สนับสนุนว่ามีฤทธิ์เป็นยาขับปัสสาวะ อย่างไรก็ดีอัตราการขับทิ้งของอิเลคโตรลัยท์ คือ โซเดียม โปรแตสเซียมและคลอไรด์ (UNaV;UKV;UC1V) เพิ่มขึ้นทั้งในกลุ่มกินน้ำชงหนวดแมวและกลุ่มที่กินน้ำชงละลายโปรแตสเซียมคลอไรด์ รวมทั้งระดับ pH ของปัสสาวะก็สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเช่นกัน แต่ไม่พบการเปลี่ยนแปลงของอัตราการขับทิ้งแคลเซียม และอนินทรีย์ฟอสฟอรัส ผลต่อหน้าที่การทำงานของไตดังกล่าวเป็นผลของอัลคาลอยด์ชักนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เซลล์ไตหลังจากทำให้ความดันโลหิตต่ำลง โดยลดลงการดูดกลับของโซเดียมที่หลอดไตส่วนต่างๆ (Renal tubule) แล้วจึงมีผลต่อระบบเรนิน-แองจิโอเทนลินอัลเดอสเตอโรน (R-A-A. System) เมื่อฮอร์โมนเหล่านี้ลดต่ำลงจึงเสริมให้ความดันโลหิตต่ำลงด้วย และโปรแตสเซียมที่เป็นส่วนประกอบในหญ้าหนวดแมว ก็เป็นตัวเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อการทำงานของไตดังกล่าว
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
สัตตะพันธ์คีรี, ศุภวรรณ, "ผลของหญ้าหนวดแมว (พยับเมฆ) ต่อการทำงานของไตหนูแรท" (1985). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 47823.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/47823