Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การวิเคราะห์เชิงสถิติเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการลาออกของนักศึกษา วิทยาลัยของสถาบันอุดมศึกษาเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

A statistical analysis of factors affecting undergraduate students' drop out of private colleges in Bangkok Metropolis

Year (A.D.)

1985

Document Type

Thesis

First Advisor

สรชัย พิศาลบุตร

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

สถิติศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

สถิติ

DOI

10.58837/CHULA.THE.1985.638

Abstract

การวิจัยเรื่องนี้มุ่งที่จะศึกษาปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับลักษณะการสำเร็จการศึกษาของนักศึกษาวิทยาลัยเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร ประชากรประกอบด้วยนักศึกษาที่เข้าศึกษาในปีการศึกษา 2523 จำนวน 703 คน วิธีเก็บรวบรวมข้อมูลทำโดยการส่งแบบสอบถามทางไปรษณีย์ ประกอบกับข้อมูลทุติยภูมิที่ได้ จากหน่วยทะเบียนนักศึกษาของแต่ละวิทยาลัย จากการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้วิธีการทางสถิติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง พบว่า เพศ ลำดับการเลือกคณะ วุฒิสูงสุดเดิมก่อนเข้าวิทยาลัย เกรดเฉลี่ยสะสมก่อนเข้าวิทยาลัย ผู้ที่พักอาศัยอยู่ด้วย อาชีพบิดา-มารดาหรือผู้อุปการะ การศึกษาสูงสุดของผู้อุปการะ แต่ละปัจจัยมีความสัมพันธ์กับลักษณะการสำเร็จการศึกษาอย่างมีนัยสำคัญ นักศึกษาที่ไม่สำเร็จการศึกษามีปัญหาในการศึกษามากกว่านักศึกษาที่สำเร็จการศึกษา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและระดับปริญญาตรีโดยจำแนกตามสาขาวิชา กลุ่มลักษณะการสำเร็จการศึกษาและรวมทุก ๆ สาขาวิชามีความสัมพันธ์กัน ยกเว้นเมื่อจำแนกตามกลุ่มที่ไม่สำเร็จการศึกษา และเมื่อพิจารณาทั้งแยกสาขาและรวมทุกสาขาวิชาพบว่า จากการวิเคราะห์สหสัมพันธ์คาโนนิคอลปัจจัยทั้งสองกลุ่มคือกลุ่มที่หนึ่งซึ่งประกอบด้วยคะแนนเฉลี่ยสะสมในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย การไม่ศึกษาค้นคว้าจากหนังสืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ความรู้สึกที่ว่าคณะซึ่งศึกษาอยู่ด้อยกว่าคณะอื่น ๆ การไม่ชอบทำกิจกรรม การจดคำบรรยายไม่ทัน การเกิดปัญหาส่วนตัวซึ่งมีผลกระทบต่อการเรียน การจัดครูเข้าชั้นเรียนไม่เหมาะสมและปัจจัยในกลุ่มที่สองซึ่งประกอบด้วยเพศ วิทยาลัยที่ศึกษา การไม่สนใจเนื้อหาที่เรียน การที่รู้สึกว่าวิชาที่ศึกษายากเกินไป ข้อสอบยาก การช่วยทางบ้านในการประกอบอาชีพ มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อพิจารณาทั้งแยกสาขาวิชาและรวมทุกสาขาวิชา พบว่าปัจจัยทางด้าน เพศ วิทยาลัยที่ศึกษา คะแนนเฉลี่ยสะสมในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย การไม่สนใจเนื้อหาที่เรียน การที่รู้สึกว่าวิชาที่ศึกษายากเกินไป การที่ไม่ศึกษาค้นคว้าจากหนังสืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ความรู้สึกที่ว่าคณะซึ่งศึกษาอยู่ด้อยกว่าคณะอื่น ๆ การที่รู้สึกว่าวิชาที่ศึกษายากเกินไป ข้อสอบยาก การไม่ชอบทำกิจกรรม การจดคำบรรยายไม่ทัน การเกิดปัญหาส่วนตัว ซึ่งมีผลกระทบต่อการเรียน การจัดครูเข้าชั้นเรียนไม่เหมาะสม การช่วยทางบ้านในการประกอบอาชีพ เมื่อนำมาพิจารณาพร้อม ๆ กัน พบว่าเป็นปัจจัยที่สามารถนำมาจำแนกกลุ่มนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาและไม่สำเร็จการศึกษาออกจากกันได้ แต่เมื่อพิจารณาทั้งแยกสาขาวิชาและรวมทุกสาขาวิชาโดยการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ พบว่าปัจจัยที่มีผลต่อสัมฤทธิ์ผลทางการศึกษาในระดับอุดมศึกษาได้แก่ ปัจจัยเดียวกับปัจจัยข้างต้น และการวิเคราะห์การถดถอยยังทราบอีกว่า ปัจจัยที่มีผลกระทบกับการสำเร็จการศึกษานั้นเรียงลำดับจากมากไปน้อยได้แก่ เกรดเฉลี่ยสะสมระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ความรู้สึกที่ว่าคณะซึ่งศึกษาอยู่ด้อยกว่าคณะอื่น ๆ การไม่สนใจเนื้อหาที่เรียน การที่ไม่ศึกษาค้นคว้าจากหนังสืออื่น ๆ ข้อสอบยาก ความรู้สึกที่ว่าวิชาที่ศึกษายากเกินไป การมีปัญหาส่วนตัวซึ่งมีผลกระทบต่อการเรียน การจดคำบรรยายไม่ทัน การช่วยทางบ้านในการประกอบอาชีพ วิทยาลัยที่ศึกษา เพศ การจัดครูเข้าชั้นเรียนไม่เหมาะสมและการไม่ชอบทำกิจกรรม จากการเปรียบเทียบการวิเคราะห์แบบจำแนกและการถดถอยพหุคูณปรากฏว่าผลของการวิเคราะห์ให้ผลสอดคล้องกันคือ ปัจจัยเกี่ยวกับคะแนนเฉลี่ยสะสมในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เพศ วิทยาลัยที่ศึกษามีผลกระทบในทิศทางเดียวกัน ส่วนปัจจัยอื่น ๆ มีทิศทางตรงข้ามและการเปรียบเทียบค่าร้อยละในการทำนายการสำเร็จการศึกษาได้ถูกต้องปรากฏว่าการวิเคราะห์การจำแนกข้อมูลสูงกว่าการวิเคราะห์การถดถอย ดังนั้น จึงสามารถทำนายการสำเร็จการศึกษาได้ถูกต้องแม่นยำกว่าการวิเคราะห์การถดถอย

ISBN

9745660795

Share

COinS