Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การประเมินอาคารศูนย์ฝึกวิชาชีพ : ผลกระทบของสภาพพื้นที่ใช้สอยต่อผู้ใช้
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
An evaluation of area center building : an investigation of spatial and environmental impac upon users
Year (A.D.)
1985
Document Type
Thesis
First Advisor
วิมลสิทธิ์ หรยางกูร
Second Advisor
วันชัย โพธิ์พิจิตร
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
สถาปัตยกรรมศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
สถาปัตยกรรม
DOI
10.58837/CHULA.THE.1985.633
Abstract
ศูนย์ฝึกวิชาชีพ (Area Vocational Centers) ได้ถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้โครงการเงินยืมเพื่อพัฒนาการศึกษาครั้งที่ 5 จำนวน 12 แห่ง ดำเนินงานโดยกรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสถานที่ให้บริการสอนวิชาชีพแก่นักเรียนจากโรงเรียนรัฐบาลและเอกชนที่ไม่สามารถจัดการสอนวิชาชีพตามหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น พ.ศ.2521 กับหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย พ.ศ.2524 แต่เนื่องจากสถานศึกษาที่ใช้บริการของศูนย์มีจำนวนไม่เท่ากัน ดังนั้นขนาดของศูนย์จึงมี 2 ขนาดคือ ศูนย์ขนาดใหญ่ จุนักเรียนได้ประมาณ 500 ที่นั่ง และศูนย์ขนาดเล็ก จุนักเรียนได้ประมาณ 300 ที่นั่ง อาคารของศูนย์ฝึกวิชาชีพทั้ง 12 แห่ง มีลักษณะการจัดองค์ประกอบของอาคารเหมือนกันหมด มีข้อแตกต่างกันเฉพาะในเรื่องขนาดพื้นที่ใช้สอยระหว่างศูนย์ขนาดใหญ่กับศูนย์ขนาดเล็กเท่านั้น ในส่วนของอาคารรวมซึ่งเป็นอาคารหลักของศูนย์ ประกอบด้วยห้องธุรการ ห้องพยาบาล ห้องแนะแนว ห้องสมุด ห้องพัสดุกลาง ห้องอเนกประสงค์ (โรงอาหาร) ห้องเรียน และห้องฝึกงานต่าง ๆ การที่นำเอาส่วนของห้องฝึกงานมารวมอยู่กับส่วนที่เป็นห้องเรียนในอาคารหลังเดียวกัน จึงทำให้เสียงรบกวนจากห้องฝึกงานทำความรบกวนห้องเรียนต่าง ๆ เป็นอย่างมาก ประกอบกับมีปัญหาเรื่องพื้นที่ใช้สอนในบางห้องไม่เพียงพอ และสภาพแวดล้อมในบางแห่งยังไม่เหมาะสมกับการใช้สอย ดังนั้นจึงสมควรที่จะมีการประเมินอาคารศูนย์ฝึกวิชาชีพในด้านต่าง ๆ ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติก็ได้ทำการประเมินในส่วนของการดำเนินงานระยะครึ่งโครงการไปแล้ว และขณะนี้กำลังสรุปผลการประเมินระยะสิ้นสุดโครงการ สำหรับงานวิจัยฉบับนี้ เป็นการประเมินอาคารศูนย์ฝึกวิชาชีพในด้านที่เกี่ยวกับผลกระทบของสภาพพื้นที่ใช้สอยต่อผู้ใช้อาคาร โดยทำการศึกษาวิจัยเฉพาะตัวอาคารรวมของศูนย์ขนาดเล็ก 3 แห่ง ได้แก่ศูนย์จังหวัดนครปฐม สระบุรี และนครนายก ซึ่งมีลักษณะอาคารเหมือนกันหมดทุกประการ มีข้อแตกต่างเฉพาะในเรื่องทิศทางการหันตัวอาคารเท่านั้น ซึ่งมีผลกระทบต่อการประเมินไม่มากนัก ในการทำวิจัยได้ใช้แบบสัมภาษณ์ผู้บริหารและครูในศูนย์ฝึกวิชาชีพทั้ง 3 แห่ง รวมทั้งการตรวจสอบสภาวะแวดล้อมทางด้านอุณหภูมิภายในห้อง แสงสว่าง และเสียงรบกวนด้วยเครื่องมือวัด ณ ศูนย์ฝึกวิชาชีพจังหวัดนครปฐม ผลการวิจัยพอจะสรุปได้ว่า สภาพแวดล้อมกายภาพของอาคารที่เป็นอยู่ปัจจุบันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย กล่าวคือ 1. สภาพแวดล้อมกายภาพที่เป็นข้อดีของอาคาร ได้แก่ รูปแบบของอาคารที่เกิดจากการรวมพื้นที่ใช้สอนประเภทต่าง ๆ มาเป็นอาคารหลังเดียว ทำให้มีลักษณะที่แตกต่างจากอาคารทั่วไป จึงเป็นเอกลักษณ์ อย่างหนึ่งของศูนย์ที่มีความสง่างาม ในขณะเดียวกันก็เกิดประโยชน์ในด้านการลดค่าก่อสร้าง การประหยัดในการใช้ที่ดิน ทำให้เกิดความสะดวกในการติดต่อ การบริหารการควบคุมดูแลได้อย่างทั่วถึง และยังสร้างความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ในอาคาร 2. สภาพแวดล้อมกายภาพที่เป็นข้อเสียของอาคาร สำหรับสภาพแวดล้อมกายภาพที่เป็นข้อเสียของอาคาร และมีผลกระทบต่อผู้ใช้อาคารทั้งผู้บริหาร ครู และนักเรียน มีดังนี้คือ 2.1 ปัญหาเรื่องพื้นที่ใช้สอยไม่เพียงพอ สาเหตุใหญ่เกิดจากการออกแบบห้องได้ไม่เพียงพอกับความต้องการ กล่าวคือยังขาดห้องเรียนทฤษฎีของสาขาวิชาอาหารและโภชนาการ บัญชี ช่างไฟฟ้า ช่างอีเล็กทรอนิกส์ และห้องเก็บเครื่องมือของช่างอีเล็กทรอนิกส์ และการออกแบบพื้นที่ใช้สอยของห้องที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ได้แก่ห้องธุรการ ห้องผู้อำนวยการ ห้องพยาบาล ห้องแนะแนว ห้องพัสดุกลาง ห้องปฏิบัติงานสำนักงาน ห้องปฏิบัติงานอาหารและโภชนาการ ห้องเรียน ห้องเขียนแบบ ห้องฝึกงานช่างไฟฟ้า ห้องฝึกงานช่างอีเล็กทรอนิกส์ ห้องเก็บเครื่องมือช่างกลโลหะ ห้องฝึกงานช่างยนต์ ห้องฝึกงานช่างก่อสร้าง และห้องน้ำ-ส้วมในห้องฝึกงานต่าง ๆ 2.2 ปัญหาเรื่องเสียงรบกวน สาเหตุเกิดจากการรวมห้องฝึกงานกับห้องเรียนไว้ในอาคารหลังเดียวกันโดยไม่มีการป้องกันเสียงรบกวนเป็นพิเศษ ผลจากการตรวจวัดปรากฏว่า บริเวณต่าง ๆ ภายในอาคารมีความเข้มของเสียงอยู่ระหว่าง 63-75 เดซิเบล (A) ซึ่งเกินกว่ามาตรฐานทั่วไป 40-60 เดซิเบล (A) 2.3 ปัญหาเรื่องแสงแดด เป็นปัญหาที่เกิดจากรูปแบบของอาคารที่เป็นอยู่ ไม่สามารถป้องกันแดดได้ จึงทำให้ผนังของอาคารด้านทิศตะวันออกกับทิศตะวันตกถูกแดดส่องตลอดทั้งปี ส่วนผนังด้านทิศใต้ถูกแดดส่องนานประมาณ 6 เดือน 2.4 ปัญหาปลีกย่อยอื่น ๆ ได้แก่ บางห้องไม่มีหน้าต่างหรือมีน้อยเกินไป ทำให้ได้รับแสงสว่างไม่เพียงพอ และการถ่ายเทอากาศไม่ดี ผนังของอาคารที่เป็นบานเกล็ดเหล็กติดตายป้องกันพายุฝนไม่ได้ เป็นต้น การแก้ไขปัญหา จากปัญหาที่กล่าวมาแล้ว ควรจะได้รับการแก้ไขดังนี้ คือ 1. ควรขยายพื้นที่ของห้องที่ยังไม่ได้มาตรฐาน และต่อเติมอาคารบางส่วนเพื่อขยายพื้นที่ของอาคารให้เพียงพอกับความต้องการ 2. ควรย้ายตำแหน่งที่ตั้งของห้องฝึกงานช่างไฟฟ้าและอีเล็กทรอนิกส์ให้แยกออกจากกลุ่มของห้องเรียน 3. ควรสร้างห้องพิเศษที่สามารถควบคุมเสียงรบกวน เพื่อติดตั้งเครื่องจักรที่มีเสียงดังของช่างก่อสร้าง และที่ลองเครื่องยนต์ของช่างยนต์ 4. ควรปรับปรุงห้องพยาบาล ห้องแนะแนว ห้องปฏิบัติงานผ้าและเครื่องแต่งกาย ห้องปฏิบัติงานอาหารและโภชนาการ ห้องเรียน 115,117 ห้องเขียนแบบ 113 ห้องสมุด และห้องน้ำ-ส้วมที่อยู่ในห้องฝึกงานช่างต่างๆ ให้ได้รับแสงสว่างจากธรรมชาติเพียงพอ และการถ่ายเทอากาศที่ดี 5. ควรติดตั้งกันสาดและแผงบังแดดตรงผนังด้านทิศตะวันออก ทิศใต้ และทิศตะวันตก เพื่อป้องกันแดด 6. ควรมีการตรวจสอบผนังที่เป็นบานเกล็ดเหล็กติดตาย ว่าส่วนใดที่ฝนสาดเข้ามาได้เพื่อพิจารณาหาทางแก้ไขต่อไป
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
พุฒยางกูร, อรุณ, "การประเมินอาคารศูนย์ฝึกวิชาชีพ : ผลกระทบของสภาพพื้นที่ใช้สอยต่อผู้ใช้" (1985). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 47812.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/47812