Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างการกระจุกตัวและอัตรากำไร ของอุตสาหกรรมในประเทศไทย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Analysis of concentration and price-cost marging relationships in Thai manufacturing industries

Year (A.D.)

1987

Document Type

Thesis

First Advisor

ชวนชัย อัชนันท์

Second Advisor

กิตติ ลิ่มสกุล

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

เศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

เศรษฐศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1987.108

Abstract

วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ ได้มุ่งศึกษาถึงระดับการกระจุกตัวของอุตสาหกรรมในประเทศไทยพร้อมทั้งวิเคราะห์ว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างของอุตสาหกรรมและอัตรากำไรหรือไม่ ในการศึกษาถึงระดับการกระจุกตัวของอุตสาหกรรมของประเทศไทย ได้เลือกอุตสาหกรรมตัวอย่างจำนวน 115 อุตสาหกรรม จากจำนวนอุตสาหกรรมทั้งหมด 148 อุตสาหกรรม โดยใช้ข้อมูลจากการทำสำมะโนอุตสาหกรรมปี 2526 ผลการศึกษาพบว่าอุตสาหกรรมที่มีระดับการกระจุกตัวสูง มีประมาณร้อยละ 80, 92 และ 87 ของจำนวนอุตสาหกรรมตัวอย่างทั้งหมด โดยวัดจากจำนวนการจ้างงาน มูลค่าการขาย และมูลค่าสินทรัพย์ถาวร ตามลำดับ ส่วนอุตสาหกรรมที่มีระดับการกระจุกตัวปานกลางมีประมาณร้อยละ 15, 8 และ 10 ขณะที่อุตสาหกรรมที่มีระดับการกระจุกตัวต่ำ มีประมาณร้อยละ 5, 0 และ 2 ของอุตสาหกรรมตัวอย่างทั้งหมด ตามลำดับ ในขณะเดียวกัน โดยวิธีทดสอบความสัมพันธ์แบบ Chi-square ปรากฏว่าโครงสร้างของอุตสาหกรรมและอัตรากำไรมีความสัมพันธ์กันจริงนอกจากนั้น การศึกษานี้ยังได้เลือกอุตสาหกรรมสัตว์ผสม อุตสาหกรรมรถยนต์และอุตสาหกรรมกระดาษพิมพ์-เขียน มาเป็นกรณีศึกษา เพื่อวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงระดับการกระจุกตัวของอุตสาหกรรม ผลการศึกษาพบว่า แม้ว่าอุตสาหกรรมทั้ง 3 ประเภทจะมีระดับการกระจุกตัวของอุตสาหกรรมค่อนข้างสูง แต่แนวโน้มของระดับการกระจุกตัวนั้นแตกต่างกันไป กล่าวคือ ในช่วงปี 2515-2527 อุตสาหกรรมสัตว์ผสม มีระดับการกระจุกตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ในช่วงปี 2511-2527 อุตสาหกรรมรถยนต์ และอุตสาหกรรมกระดาษพิมพ์-เขียนมีระดับการกระจุกตัวลดลง

Share

COinS