Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
ผลของการใช้กระบวนการกลุ่มในการสอนผู้ป่วย ต่อระดับความวิตกกังวลก่อนผ่าตัด ของผู้ป่วยโรคต้อกระจก
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Effects of using group process in teaching patients on preoperative anxiety level of cataract patients
Year (A.D.)
1986
Document Type
Thesis
First Advisor
จินตนา ยูนิพันธุ์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
ครุศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
สุขศึกษา
DOI
10.58837/CHULA.THE.1986.376
Abstract
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลองแบบสองกลุ่ม วัดก่อนและหลังทดลองเพื่อศึกษาผลของการใช้กระบวนการกลุ่มในการสอนผู้ป่วยต่อระดับความวิตกกังวลก่อนผ่าตัดของผู้ป่วยโรคต้อกระจก โดยเปรียบเทียบระดับวิตกกังวลก่อนผ่าตัดของผู้ป่วยที่ได้รับการสอนโดยการใช้กระบวนการกลุ่มกับได้รับการสอนตามปกติ กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ป่วยโรคต้อกระจกทั้งเพศชายและเพศหญิง ที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยจักษุวิทยาสามัญของโรงพยาบาลศิริราช จำนวน 60 ราย แบ่งออกเป็นกลุ่มทดลอง และกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 30 ราย ซึ่งได้จากการจับคู่กลุ่มตัวอย่าง โดยการใช้ตัวแปรในเรื่อง เพศ อายุ ระดับการศึกษา และคะแนนความวิตกกังวลของการสอบวัดครั้งแรกให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน โดยใช้คะแนนสอบครั้งแรกในการวัดของแบบสังเกตพฤติกรรมความวิตกกังวล และแบบสัมภาษณ์ความวิตกกังวลเป็นเกณฑ์ในการตัดสินจับคู่ แล้วสุ่มตัวอย่าง (Ramdom Assignment) กลุ่มควบคุมจะได้รับการสอนตามปกติจากพยาบาลวิชาชีพในหอผู้ป่วย และกลุ่มทดลองจะได้รับการสอนโดยการใช้กระบวนการกลุ่มจากผู้วิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยเครื่องมือที่ใช้ในการทดลองและเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งผู้วิจัยสร้างขึ้นเอง เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ประกอบด้วยแผนการสร้างสัมพันธภาพกับผู้ป่วยโรคต้อกระจกเป็นรายบุคคล และบันทึกการสอนผู้ป่วยโรคต้อกระจกโดยการใช้กระบวนการกลุ่ม เครื่องมือทั้ง 2 ชนิดนี้ ได้ผ่านการทดลองใช้และตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ ส่วนเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลมี 2 ชนิด ชนิดแรก คือ แบบสัมภาษณ์ความวิตกกังวล นำไปหาความตรงตามเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ ทำการวิเคราะห์เป็นรายข้อ เพื่อเลือกข้อที่มีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 2.00 ขึ้นไป และหาความเที่ยงโดยการหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่า ตามวิธีของครอนบาช (Cronbach) ได้ค่าความเที่ยงเท่ากับ 0.93 เครื่องมือชนิดที่สอง คือ แบบสังเกตพฤติกรรมความวิตกกังวล นำไปหาความตรงตามเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ หาความสอดคล้องระหว่างผู้สังเกต (Interobserver Reliability) ตามวิธีของ วิลเลียม เอ สกอตต์ ได้ค่าเท่ากับ 0.96 การรวบรวมข้อมูลจะทำ 2 ครั้ง คือ ในวันแรกที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล (ก่อนการทดลอง) และในตอนเช้าวันทำผ่าตัด (หลังการทดลอง) วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ โดยทดสอบค่าที (t-test ) ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. ระดับความวิตกกังวลก่อนผ่าตัดของผู้ป่วยโรคต้อกระจกหลังได้รับการสอนโดยการใช้กระบวนการกลุ่ม จะต่ำกว่าระดับความวิตกกังวลก่อนได้รับการสอนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2. ระดับความวิตกกังวลก่อนผ่าตัดของผู้ป่วยโรคต้อกระจกที่ได้รับการสอนโดยการใช้กระบวนการกลุ่ม จะต่ำกว่าผู้ป่วยที่ได้รับการสอนตามปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
ฉัตรสุวรรณ, สุกันยา, "ผลของการใช้กระบวนการกลุ่มในการสอนผู้ป่วย ต่อระดับความวิตกกังวลก่อนผ่าตัด ของผู้ป่วยโรคต้อกระจก" (1986). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 47664.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/47664