Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

สภาพและปัญหาของโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ในกรุงเทพมหานคร

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Status and problems of the Buddhist Sunday Schools in Bangkok metropolis

Year (A.D.)

1986

Document Type

Thesis

First Advisor

กรรณิการ์ สัจกุล

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

สถิติการศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1986.360

Abstract

วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อศึกษาสภาพและปัญหาของโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ในกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 2. เพื่อศึกษาสภาพและปัญหาของโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ในกรุงเทพมหานคร ตามทัศนะของครูและนักเรียน วิธีดำเนินการวิจัย ผู้วิจัยมีวิธีดำเนินการวิจัยดังต่อไปนี้ 1. การวิจัยเอกสาร ผู้วิจัยศึกษาค้นคว้าเรื่องสภาพและปัญหาของโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ โดยวิธีการค้นคว้าจากเอกสาร ระเบียบคำสั่ง บันทึกรายงานการประชุม หลักสูตร บทความจากวารสารต่างๆ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง แล้วเสนอผลงานวิจัยแบบพรรณนานาวิเคราะห์ 2. การวิจัยแบบสำรวจ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในงานวิจัยครั้งนี้คือ ครูจำนวน 290 คน และนักเรียนจำนวน 360 คน จากโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามซึ่งผู้วิจัยสร้างขึ้น แล้วนำข้อมูลที่ได้จากการตอบแบบสอบถามมาวิเคราะห์ โดยหาค่าร้อยละ ค่ามัชฌิมเลขคณิต และค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัย 1. สภาพของโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ในกรุงเทพมหานคร การวิจัยพบว่าปัจจุบันมีสภาพดังนี้ 1.1 ด้านการบริหารและการดำเนินงาน โรงเรียนส่วนใหญ่มีการกำหนดขั้นตอนการดำเนินงานไว้ชัดเจน บุคลากรของโรงเรียนให้ความร่วมมือดีทุกฝ่าย การดำเนินงานของโรงเรียนได้งบประมาณจากกรมการศาสนาและผู้มีจิตศรัทธาทั่วไป ส่วนรายจ่ายของโรงเรียนนั้นจ่ายไปในด้านอุปกรณ์การสอนและการจัดงานแจกประกาศนียบัตรประจำปีมากที่สุดด้านอาคารสถานที่โรงเรียนส่วนใหญ่มีเพียงพอกับความต้องการใช้สอย แต่อุปกรณ์การเรียนการสอนยังมีน้อย บริการที่โรงเรียนจัดให้แก่นักเรียนมากที่สุดได้แก่รางวัลในโอกาสต่างๆ และทุนการศึกษา โรงเรียนส่วนใหญ่ได้ปรับปรุงกิจการของโรงเรียนอยู่ตลอดเวลา โดยใช้ผลการสอบของนักเรียน ข้อเสนอแนะจากการประชุมสัมมนา และความคิดเห็นของผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไปมาเป็นแนวทางในการพัฒนาโรงเรียน 1.2 ด้านหลักสูตรและการเรียนการสอน โรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ในกรุงเทพมหานครที่สังกัดกรมการศาสนาใช้หลักสูตรวิชาบังคับของกรมการศาสนา ซึ่งครูส่วนใหญ่มีความเห็นว่าเป็นหลักสูตรที่ดีและเหมาะสม ในการสอนนั้นครูใช้วิธีบรรยายมากที่สุด การเรียนการสอนเน้นการประพฤติปฏิบัติเป็นสำคัญ แต่ปรากฏว่านักเรียนนำความรู้ที่เรียนไปใช้น้อย วิชาที่นักเรียนสนใจเรียนมากที่สุดคือวิชาประวัติพระพุทธศาสนา เพราะเห็นว่ามีประโยชน์และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ส่วนพุทธศาสนาพิธีที่นักเรียนปฏิบัติเป็นประจำคือ พิธีสวดมนต์และพิธีแผ่เมตตา ทัศนคติและนิสัยที่ดีที่นักเรียนได้รับจากโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์คือ ความรับผิดชอบ ความมีเมตตากรุณา และความกตัญญูกตเวทิตา 1.3 ด้านกิจกรรม โรงเรียนส่วนใหญ่มีอาจารย์ฝ่ายกิจกรรมและคณะกรรมการนักเรียนทำหน้าที่ร่วมกับคณะครูและนักเรียนในการจัดกิจกรรมของโรงเรียนทุกประเภทของกิจกรรมที่จัดได้รับความร่วมมือและความสนใจจากนักเรียนเป็นอย่างดี ซึ่งมีกิจกรรมใหญ่ๆ 3 ประเภท คือ กิจกรรมวันสำคัญทางศาสนา กิจกรรมวันสำคัญทางราชการและกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ 1.4 ด้านความร่วมที่ได้รับ โรงเรียนได้รับความร่วมมือในการดำเนินงานจากวัดและคณะสงฆ์ กรมการศาสนา และผู้มีจิตศรัทธาทั่วไป แต่การติดต่อกับทางราชการนั้นยังไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร ส่วนความร่วมมือจากผู้ปกครองนักเรียนและศิษย์เก่านั้นยังมีน้อย ความต้องการที่โรงเรียนต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดได้แก่ ทุนในการดำเนินงาน ด้านวิชาการ ด้านประชาสัมพันธ์ และด้านคำปรึกษาแนะนำ 2. ปัญหาของโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ในกรุงเทพมหานคร การวิจัยพบว่าสิ่งที่เป็นปัญหามากมีดังนี้คือ 2.1 โรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องขาดแคลนเงินทุนในการดำเนินงานมากที่สุด 2.2 นักเรียนไม่สนใจเรียนอย่างจริงจัง และโรงเรียนไม่สามารถติดตามผลนักเรียนในการเอาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ 2.3 โรงเรียนมีปัญหามากในเรื่องขาดความพร้อมด้านอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ในการจัดกิจกรรม 2.4 ประชาชนทั่วไปมองไม่เห็นความสำคัญและประโยชน์ของการเรียนในโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ จึงไม่ให้ความสนใจหรือร่วมมือช่วยเหลือ 2.5 หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องยังไม่ให้ความช่วยเหลืออย่างจริงจัง

Share

COinS