Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ความสัมพันธ์ระหว่างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กับองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง : การสังเคราะห์งานวิจัยเชิงปริมาณ

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

The relationship between learning achievement and its related factor : a research quntitative synthesis

Year (A.D.)

1986

Document Type

Thesis

First Advisor

อุทุมพร จามรมาน

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

วิจัยการศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1986.331

Abstract

การสังเคราะห์งานวิจัยเชิงปริมาณครั้งนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาไทย ในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษากับองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง 7 ด้าน คือ สมรรถภาพทางสมอง ความถนัดทางการเรียน ความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถในการแก้ปัญหา ทัศนคติต่อวิชา ขนาดของโรงเรียน และการศึกษาของบิดามารดา โดยศึกษาจากงานวิจัยของหน่วยราชการและวิทยานิพนธ์ระดับปริญญามหาบัณฑิตขึ้นไปในประเทศไทย ในช่วงปี พ.ศ. 2507 ถึง พ.ศ. 2526 ผู้วิจัยได้ใช้แบบสรุปลักษณะรายละเอียดงานวิจัยซึ่งสร้างขึ้นเองช่วยในการจดบันทึกลักษณะของงานวิจัย ตลอดจนรายละเอียดต่างๆ ที่จำเป็นในการสังเคราะห์งานวิจัย และใช้แบบประเมินงานวิจัยของศาสตราจารย์ ดร.อุทุมพร จามรมาน ซึ่งดัดแปลงมากจาก Isacc, S. and Michael โดยผู้วิจัยได้นำการพัฒนาเพิ่มเติมและหาความเชื่อถือได้ก่อนนำไปใช้จริง แบบประเมินงานวิจัยด้วยตนเองนี้ช่วยในการคัดเลือกงานวิจัยและวิทยานิพนธ์จำนวน 118 เล่ม ที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง โดยเลือกเอาเฉพาะเรื่องที่มีคุณภาพและเชื่อถือได้ในทางสถิติมาศึกษาเพียง 87 เล่ม ซึ่งเมื่อนับจำนวนค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พบว่ามีจำนวน 559 ตัว ทั้งนี้เพราะงานวิจัยบางเล่มมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์หลายค่า และได้ทำการตรวจสอบความเชื่อถือได้ของค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ 559 ตัว ก่อนนำไปสังเคราะห์ โดยตรวจสอบความคลาดเคลื่อนจากการวัด และความคลาดเคลื่อนจากการสุ่ม ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ 559 ตัว เป็นสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ที่เชื่อถือได้ และนำมาสังเคราะห์ได้ทั้งหมด โดยใช้การสังเคราะห์งานวิจัยเชิงปริมาณแบบการวิเคราะห์เมตต้าตามแนวคิดของสมิดท์–ฮันเตอร์ (Schmidt-Hunter) ซึ่งผู้วิจัยทำการสังเคราะห์ข้อมูลโดยคำนวณหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ ความแปรปรวนของค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ และเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ผลการวิจัยปรากฏว่า 1) ค่าเฉลี่ยสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกับองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง 7 ด้าน ต่างมีความสัมพันธ์ในทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01ทุกค่า 1.1) ความสัมพันธ์ระหว่างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 3 วิชา กับองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง 7 ด้าน ในระดับประถมศึกษากับมัธยมศึกษา จากจำนวนสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ 559 ตัว มีค่าเฉลี่ย .5043 มีความแปรปรวน .0137 และมีความสัมพันธ์กันในทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และยังพบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมีความสัมพันธ์สูงสุดกับความสามารถในการแก้ปัญหา (r = .6771) และต่ำสุดกับความคิดสร้างสรรค์ (r = .2706) ในขณะที่องค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง 7 ด้าน มีความสัมพันธ์สูงสุดกับผลสัมฤทธิ์วิชาภาษาไทย (r = .5102) รองลงมาคณิตศาสตร์ (r = .4846) และต่ำสุดคือวิทยาศาสตร์ (r = .4361) 1.2) เมื่อแยกพิจารณาแต่ละระดับพบว่า ค่าเฉลี่ยสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกับองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ต่างมีความสัมพันธ์ในทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และในระดับประถมศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมีความสัมพันธ์สูงสุดกับความถนัดทางการเรียน ในขณะที่ระดับมัธยมศึกษามีความสัมพันธ์สูงสุดกับการแก้ปัญหา ส่วนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่มีความสัมพันธ์ต่ำสุดกับความคิดสร้างสรรค์ทั้ง 2 ระดับ (ประถมศึกษากับมัธยมศึกษา) 2) เปรียบเทียบค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกับองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง 7 ด้านพบว่า ระดับการศึกษา 2 ระดับ คือ ประถมศึกษากับมัธยมศึกษามีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 แต่ภายในวิชา 3 วิชา และภายในองค์ประกอบ 7 ด้าน แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

Share

COinS