Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
บทบาทของบิดาต่อการเลี้ยงดูทารกตามการรับรู้ของตนเอง
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Paternal roles in rearing infant as perceived by the fathers themselves
Year (A.D.)
1986
Document Type
Thesis
First Advisor
ประนอม โอทกานนท์
Second Advisor
ประนอม รอดคำดี
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
ครุศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
พยาบาลศึกษา
DOI
10.58837/CHULA.THE.1986.212
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบทบาทของบิดาต่อการเลี้ยงลูกทารกตามการรับรู้ของตนเอง โดยคำนึงถึงตัวแปร ลักษณะของครอบครัว อายุ ระดับการศึกษา และลำดับที่การเกิดของบุตร ตัวอย่างประชากรเป็นบิดาที่นำบุตรมาตรวจสุขภาพในคลินิกสุขภาพเด็กดี ณ ศูนย์บริการสาธารณสุขของสำนักอนามัย อนามัยกรุงเทพมหานคร 4 แห่ง จำนวน 201 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสัมภาษณ์การรับรู้บทบาทของบิดาต่อการเลี้ยงดูทารกที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่า ร้อยละ ทดสอบค่าที ( t-test) ค่าเอฟ (F - test) และ เซฟเฟ่ (S - Method) ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. ค่าคะแนนเฉลี่ยการรับรู้บทบาทเป็นรายข้อและรายด้าน ส่วนใหญ่อยู่ในระดับเข้าใจและยอมรับว่าเป็นบทบาทที่ควรปฏิบัติเป็นประจำ 2. เปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยโดยส่วนร่วม กลุ่มตัวอย่างบิดา จำแนกตามลักษณะครอบครัว และอายุพบว่า บิดารับรู้บทบาทของตัวเองต่อการเลี้ยงดูทารกแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ .05 ตามลำดับ โดยกลุ่มตัวอย่างบิดาจากครอบครัวขยาย มีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่ากลุ่มตัวอย่างบิดาจากครอบครัวเดี่ยว และกลุ่มตัวอย่างบิดาอายุสูงกว่า 30 ปี มีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่ากลุ่มตัวอย่างบิดาอายุต่ำกว่า 30 ปี ซึ่งยอมรับสมมติฐานที่ตั้งไว้ จำแนกตามลำดับที่การเกิดของบุตร พบว่า ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งปฏิเสธสมมติฐานที่ตั้งไว้ ส่วนการทดสอบการรับรู้บทบาทของกลุ่มตัวอย่างบิดาจำแนกตามระดับการศึกษาคือ ประถมศึกษากับมัธยมศึกษา และประถมศึกษากับอุดมศึกษา พบว่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ทั้งนี้กลุ่มตัวอย่างบิดาที่มีการศึกษาระดับประถมศึกษา มีคะแนนเฉลี่ยของการรับรู้บทบาทน้อยกว่ากลุ่มตัวอย่างบิดาที่มีการศึกษาระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษา 3. เปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยของการรับรู้บทบาทรายด้าน 3.1 จำแนกตามลักษณะครอบครัวเดี่ยวและครอบครัวขยาย พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ใน 3 ด้าน คือ "ด้านการเป็นผู้ให้สิ่งของเครื่องใช้และของเล่น" "ด้านการเป็นผู้ปกครองคุ้มครองอันตรายต่างๆ" และ "ด้านเป็นสื่อกลางของครอบครัวและสังคม" โดยด้านแรกกลุ่มตัวอย่างบิดาครอบครัวเดี่ยว มีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่ากลุ่มตัวอย่างบิดาครอบครัวขยาย ส่วนด้านหลังกลุ่มตัวอย่างบิดาครอบครัวเดี่ยว มีคะแนนเฉลี่ยน้อยกว่า กลุ่มตัวอย่างบิดาครอบครัวขยาย 3.2 จำแนกตามระดับการศึกษา พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ระหว่างกลุ่มตัวอย่างบิดาที่มีการศึกษาระดับประถมศึกษากับระดับมัธยมศึกษา และบิดาที่มีการศึกษาระดับประถมศึกษากับอุดมศึกษา โดยกลุ่มตัวอย่างบิดาที่มีการศึกษาระดับประถมศึกษา มีคะแนนเฉลี่ยน้อยที่สุด ใน 4 ด้าน คือ "ด้านเป็นผู้ให้สิ่งของเครื่องใช้และของเล่น "ด้านให้การดูแลขณะปกติและเจ็บป่วย" "ด้านให้การปกป้องคุ้มครองจากอันตรายต่างๆ" และ "ด้านเป็นสื่อกลางของครอบครัวและสังคม" ส่วน "ด้านการให้เวลาเป็นเพื่อนเล่นและส่งเสริมการเล่นของบุตร" พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ของกลุ่มตัวอย่างบิดาที่มีการศึกษาระดับประถมศึกษา กับอุดมศึกษา และระหว่างกลุ่มตัวอย่างบิดาที่มีการศึกษาระดับมัธยมศึกษากับอุดมศึกษา โดยกลุ่มตัวอย่างบิดาที่มีการศึกษาระดับอุดมศึกษามีคะแนนเฉลี่ยสูงสุด 3.3 จำแนกตามลำดับที่การเกิดของบุตร พบว่า ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ในทุกด้าน 4. เปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยของการรับรู้บทบาทเป็นรายข้อ พบว่ากลุ่มตัวอย่างบิดา จำแนกตามลักษณะครอบครัวส่วนใหญ่รับรู้บทบาท "ด้านให้การปกป้องคุ้มครองอันตรายต่างๆ" ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
แย้มสอาด, สำเนียง, "บทบาทของบิดาต่อการเลี้ยงดูทารกตามการรับรู้ของตนเอง" (1986). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 47317.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/47317