Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ผลของการใช้กระบวนการสัมพันธภาพแบบตัวต่อตัวเพื่อการรักษา ที่มีต่อพฤติกรรมของผู้ป่วยจิตเวช

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Effects of using therapeutic one-to-one relationship process on psychiatric patients' behaviors

Year (A.D.)

1986

Document Type

Thesis

First Advisor

จินตนา ยูนิพันธุ์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

พยาบาลศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1986.209

Abstract

การวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาขอของการใช้กระบวนการสัมพันธ์ภาพ แบบตัวต่อตัว เพื่อการักษาที่มีต่อพฤติกรรมของผู้ป่วยจิตเวช ตัวอย่างประชากรที่ ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ผู้ป่วยจิตเวชที่รับไว้รักษาในโรงพยาบาลสมเด็จ เจ้าพระยาจำนวน 40 คน แบ่งเป็นกลุ่มควบคุม และกลุ่มทดลองโดยการจับฉลาก กลุ่มทดลอง จะได้การพยาบาลที่เน้นการใช้กระบวนการสัมพันธภาพแบบตัวต่อตัวเพื่อการักษา โดยผู้ช่วยวิจัย 10 ท่าน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้มี 2 ชุด คือ แบบวัดพฤติกรรมผู้ป่วยจิตเวช ซึ่งสร้างโดยผู้วิจัย และหาความตรงตามเนื้อหา หาความเที่ยงของแบบทดสอบ ตามแบบของครอนบาช ได้ค่าความเที่ยงเท่ากับ 0.93 สำหรับแบบสังเกตพฤติกรรมผู้ป่วยจิตเวช ซึ่งสร้างโดยผู้วิจัย และหาความตรงตามเนื้อหา หาความเที่ยงของการประเมินโดยแบบสังเกตโดยการวิเคราะห์ความแปรปรวนตามแบบของ ประคอง กรรณสูต ได้ค่า ความเที่ยง เท่ากับ 0.83 ข้อมูลที่รวบรวมได้จากแบบวัดและแบบพฤติกรรมผู้ป่วยจิตเวชนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบผลการประเมินโดยแบบสังเกตพฤติกรรมผู้ป่วย ระหว่างก่อนและหลังการทดลอง ในผู้ป่วยกลุ่มที่ได้การพยาบาลตามปกติ และกลุ่มที่ได้รับการพยาบาลโดยใช้กระบวบการสัมพันธภาพแบบตัวต่อตัวเพื่อการรักษา โดยการทดสอบค่า t และเปรียบเทียบผลการประเมินพฤติกรรมผู้ป่วยภายหลังการทดลองระหว่างผู้ป่วยในกลุ่มที่ได้รับการพยาบาลตามปกติ และผู้ป่วยในกลุ่มที่ได้รับการพยาบาลโดยใช้กระบวบการสัมพันธภาพแบบตัวต่อตัวเพื่อการรักษา โดยการวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วม ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. ขอการเปรียบเทียบคะแนนที่ได้จากการประเมินพฤติกรรมของผู้ป่วย ทั้งโดยแบบวัดพฤติกรรมและแบบสังเกตพฤติกรรมผู้ป่วยจิตเวช ระหว่างก่อนและหลังการทดลอง พบว่าในกลุ่มควบคุม มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และในกลุ่มทดลอง มีความแตกต่างกับอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 โดยหลังการทดลอง พฤติกรรมของผู้ป่วยจิตเวช ทั้งในกลุ่มควบคุม และกลุ่มทดลอง ได้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ขึ้น ผลการวิจัยจึงเป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 1 2. ขอการเปรียบเทียบคะแนนที่ได้จากการประเมินพฤติกรรม โดยแบบวัดพฤติกรรมผู้ป่วยจิตเวช ของผู้ป่วยจิตเวชหลังการทดลอง ระหว่างผู้ป่วยกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง พบว่าไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่เมื่อประเมินพฤติกรรมของผู้ป่วยโดยแบบสังเกตพฤติกรรมของผู้ป่วยจิตเวช พบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยหลังการทดลองพฤติกรรมของผู้ป่วยจิกเวชในกลุ่มทดลอง เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นกว่าพฤติกรรม ของผู้ป่วยจิตเวชในกลุ่มควบคุม ดังนั้น จึงไม่ยอมรับสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 2. ผลการวิจัยดังกล่าวสนับสนุนการนำกระบวนการสัมพันธ์ภาพแบบตัวต่อตัวเพื่อ การักษาไปใช้ในหอผู้ป่วยจิตเวช ทั้งนี้สอดคล้องกับข้อเสนอแนะของผู้วิจัย ซึ่งเป็นผู้ทดลองใช้กระบวนการดังกล่าว โดยมีจุดมุ่งหมายที่คุณภาพของการพยาบาลจิตเวช

Share

COinS