Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ระดับความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษ ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

A level of English reading ability of students aat the lower secondary education level

Year (A.D.)

1987

Document Type

Thesis

First Advisor

สุมิตรา อังวัฒนกุล

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

มัธยมศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1987.374

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และเปรียบเทียบระดับความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นในแต่ละระดับชั้น ตัวอย่างประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 ในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 1,440 คน ซึ่งได้มาด้วยวิธีสุ่มตัวอย่างประชากรแบบแบ่งชั้นหลายขั้นตอน คือสุ่มจังหวัดในแต่ละเขตการศึกษาและท้องที่การศึกษาในกรุงเทพมหานครมาร้อยละ 25 แล้วสุ่มโรงเรียนในแต่ละจังหวัด และในแต่ละท้องที่การศึกษาที่สุ่มได้มาร้อยละ 10 ได้โรงเรียน 24 โรง จากนั้นผู้วิจัยจึงสุ่มนักเรียนในโรงเรียนที่สุ่มได้ด้วยวิธีการสุ่ม แบบง่ายมาชั้นละ 20 คน รวมเป็นโรงเรียนละ 60 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบวัดระดับความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษ ซึ่งผู้วิจัยสร้างขึ้น โดยกำหนดวัตถุประสงค์และเนื้อหาที่ใช้ในการทดสอบให้สอดคล้องกับระดับพฤติกรรมการอ่าน ทั้ง 5 ระดับ ของรีเบ็คกา เอ็ม วาเล็ต และเรอเน เอส ดิสิค แบบสอบนี้ได้ผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ 6 ท่าน และทดลองใช้สอบ 2 ครั้ง จนได้ข้อสอบอยู่ในเกณฑ์ที่จะนำไปใช้ได้ คือมีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ .20 - .55 และค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง .21 - .80 และค่าความเที่ยงของแบบสอบเท่ากับ .78 ได้ข้อสอบทั้งหมด 100 ข้อ แบ่งเป็น 5 ตอน ๆละ 20 ข้อ ได้แก่ ระดับที่ 1 ระดับทักษะด้านกลไก ระดับที่ 2 ระดับความรู้ ระดับที่ 3 ระดับการถ่ายโอน ระดับที่ 4 ระดับการสื่อสาร และ ระดับที่ 5 ระดับการวิเคราะห์วิจารณ์ ให้เวลาในการทดสอบ 1 ชั่วโมง 40 นาที แล้วนำแบบสอบวัดระดับความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษ ไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างประชากรที่คัดเลือกไว้ แล้วนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์หาค่ามัชฌิมเลขคณิต ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ ทดสอบค่าอัตราส่วนวิกฤติ ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. ค่ามัชฌิมเลขคณิตของคะแนนรวมทั้งฉบับของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 เท่ากับ 52.24 58.12 และ 63.38 ตามลำดับ ส่วนค่ามัชฌิมเลขคณิตในแต่ละระดับของนักเรียนแต่ละชั้นจะเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยตามระดับที่ 1-5 ดังนี้ คือ 1.1 ค่ามัชฌิมเลขคณิตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตั้งแต่ระดับ 1-5 มีค่าเท่ากับ 17.31 14.17 8.96 6.91 และ 4.89 1.2 ค่ามัชฌิมเลขคณิตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตั้งแต่ระดับ 1-5 มีค่าเท่ากับ 17.64 15.38 10.33 8.40 และ 6.37 1.3 ค่ามัชฌิมเลขคณิตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตั้งแต่ระดับ 1-5 มีค่าเท่ากับ 17.85 16.15 12.19 9.83 และ 7.36 2. เมื่อพิจารณาตามเกณฑ์ที่ผู้วิจัยได้ตั้งไว้ คือ ถ้าค่ามัชฌิมเลขคณิตในระดับใด เกิน 15 คะแนน ให้ถือว่านักเรียนมีความสามารถผ่านระดับนั้น พบว่า นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษถึงระดับที่ 1 คือ ระดับทักษะด้านกลไก โดยค่ามัชฌิมเลขคณิตในระดับนี้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เท่ากับ 17.31 ส่วนนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ 3 มีความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษถึง ระดับที่ 2 คือ ระดับความรู้ โดยค่ามัชฌิมเลขคณิตในระดับที่ 1 และ 2 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เท่ากับ 17.64 และ 15.38 ตามลำดับ ค่ามัชฌิมเลขคณิตในระดับที่ 1 และ 2 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เท่ากับ 17.85 และ 16.15 ตามลำดับ 3. เมื่อเปรียบเทียบค่ามัชฌิมเลขคณิตของตัวอย่างประชากรด้วยอัตราส่วนวิกฤติ พบว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ได้ค่ามัชฌิมเลขคณิตสูงกว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ได้ค่ามัชฌิมเลขคณิตสูงกว่าชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 2 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ทั้งคะแนนรวมทั้งฉบับ และคะแนนในแต่ละระดับ ยกเว้นระดับที่ 1 ที่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สูงกว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานการวิจัยที่ตั้งไว้

Share

COinS