Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ความเปลี่ยนแปลงของคณะสงฆ์ : ศึกษากรณีธรรมยุติกนิกาย (พ.ศ. 2368 - พ.ศ. 2464)

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Change within the sagha : a case study of Dhammayuttikanikaya (1825-1921)

Year (A.D.)

1987

Document Type

Thesis

First Advisor

สายชล วรรณรัตน์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

อักษรศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

ประวัติศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1987.765

Abstract

ในช่วงที่สังคมไทยคลี่คลายเปลี่ยนแปลงจากสังคมจารีตเป็นสังคมสมัยใหม่และมีการก่อตัวของรัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์นั้น ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงของคณะสงฆ์ที่มีปฏิสัมพันธ์กับความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย ความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในคณะสงฆ์ในระยะดังกล่าวได้แก่การสถาปนาธรรมยุติกนิกาย ซึ่งได้ปรับเปลี่ยนแนวความคิดทางพุทธศาสนา ตลอดจนบทบาททั้งต่อคณะสงฆ์และต่อสังคมไทยได้ด้วยดี จนสามารถดำรงรักษาฐานะและบทบาทสำคัญในสังคมไทยไว้ได้ วิทยานิพนธ์นี้มุ่งศึกษาธรรมยุติกนิกายในบริบททางประวัติศาสตร์ เพื่อจะเข้าใจธรรมยุติกนิกายอย่างลึกซึ้งและรอบด้านขึ้น โดยวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลโดยตรงให้เกิดการสถาปนาธรรมยุติกนิกาย หลักการของธรรมยุติกนิกาย ความเปลี่ยนแปลงทางความคิดของผู้นำธรรมยุติกนิกาย โดยเฉพาะแนวความคิดเรื่องกรรม แนวความคิดเกี่ยวกับมนุษย์และเป้าหมายของชีวิต ตลอดจนแนวความคิดเกี่ยวกับรัฐและกษัตริย์ และความเปลี่ยนแปลงด้านบทบาทของธรรมยุติกนิกายต่อคณะสงฆ์และต่อสังคมส่วนรวมในระหว่าง พ.ศ. 2368 – 2464 ผลจากการวิจัย ทำให้ได้พบความรู้ใหม่ที่สำคัญคือ การสถาปนาธรรมยุติกนิกายมิได้เกิดจากปัจจัยทางการเมืองเท่านั้น แต่เกิดจากลักษณะทางอัตตวิสัยของผู้ทรงสถาปนานิกายนี้ด้วยส่วนในด้านแนวความคิดของผู้นำที่สำคัญของธรรมยุติกนิกายมีลักษณะมนุษยนิยม เหตุผลนิยมและสัจจนิยม ปรากฏว่ามีการเน้นความคิดเรื่องกรรมและผลของกรรมในชาตินี้อย่างมาก แนวความคิดเกี่ยวกับมนุษย์ในระยะแรกยังคงอธิบายถึงมนุษย์ด้วย ความคิดทางพุทธศาสนาทั้งหมดแต่ในระยะหลังผู้นำธรรมยุติกนิกายจะทรงนำความรู้จากตะวันตกเข้ามาผสมผสานกับคำอธิบายของพุทธศาสนาอย่างกลมกลืน ส่วนเป้าหมายของชีวิตเปลี่ยนจากนิพพานมาเป็นการเน้นให้ประพฤติดีเพื่อประโยชน์ในชาตินี้ โดยผู้นำธรรมยุติกนิกายในระยะแรกทรงเน้นการประพฤติดีและทำหน้าที่ในหน่วยย่อยของสังคมที่จะส่งผลให้ปัจเจกบุคคลปราศจากทุกข์ ส่วนผู้นำธรรมยุติกนิกายในระยะหลังจะเน้นการประพฤติดี ในแง่ของความสัมพันธ์ทางสังคมในระดับรัฐ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างพระมหากษัตริย์กับคนกลุ่มต่าง ๆ เพื่อความเจริญและความเป็นเอกราชของชาติ สำหรับบทบาทของธรรมยุติกนิกายทั้งต่อคณะสงฆ์และต่อสังคมจะค่อย ๆ ขยายมากขึ้นทั้งนี้โดยสัมพันธ์กับฐานะของธรรมยุติกนิกายที่เปลี่ยนจากการเป็น “สำนัก" มาเป็น “คณะ" สัมพันธ์กับแนวความคิดของผู้นำธรรมยุติกนิกายในแต่ละช่วง และสัมพันธ์กับพัฒนาการของรัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์ด้วย

Share

COinS