Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การศึกษาความคิดเห็นของผู้บริโภคเกี่ยวกับผ้าอนามัย ในเขตกรุงเทพมหานคร

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

A study on the Bangkok Metropolitan consumers' opinion relating to sanitary napkins

Year (A.D.)

1987

Document Type

Thesis

First Advisor

กุณฑลี เวชสาร

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

บริหารธุรกิจ

DOI

10.58837/CHULA.THE.1987.508

Abstract

การศึกษาความคิดเห็นของผู้บริโภคเกี่ยวกับผ้าอนามัยเป็นหัวข้อที่น่าสนใจศึกษา เนื่องจากในปัจจุบันสภาพแวดล้อมทางสังคมได้เปลี่ยนแปลงไป ทำให้สตรีเข้ามามีบทบาทในสังคมมากยิ่งขึ้นกว่าในอดีต ผ้าอนามัยจึงเป็นสินค้าจำเป็นสำหรับการดำเนินชีวิตของสตรีที่มีอายุระหว่าง 11 – 50 ปี สินค้าผ้าอนามัยที่วางจำหน่ายอยู่ในตลาดขณะนี้มีจำนวนมากกว่า 20 ยี่ห้อ มีการแข่งขันกันอย่างมากทั้งทางด้านตัวผลิตภัณฑ์ และการส่งเสริมการจำหน่าย เฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปี พ.ศ. 2527 สินค้าผ้าอนามัยจากประเทศญี่ปุ่นหลายยี่ห้อได้ถูกนำเข้าสู่ตลาดเมืองไทย โดยผลิตภัณฑ์ที่ถูกนำเข้าสู่ตลาดเมืองไทยมีลักษณะแตกต่างไปจากผ้าอนามัยที่มีวางจำหน่ายอยู่เดิม งบประมาณสำหรับการส่งเสริมการ จำหน่ายมีสูง เป็นผลให้ผ้าอนามัยหลายยี่ห้อที่มีอยู่เดิมพยายามปรับตัว เพื่อรักษาส่วนครองตลาดของตนให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ การศึกษาในเรื่องนี้จะทำให้ทราบถึงพฤติกรรม ความคิดเห็นและความต้องการของผู้บริโภคเกี่ยวกับสินค้าผ้าอนามัย ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผ้าอนามัย และผู้บริโภคโดยทั่วไป การวางแผนในการศึกษา ได้ใช้วิธีการสำรวจโดยออกแบบสอบถามเพื่อสัมภาษณ์ความคิดเห็นของผู้บริโภคสตรีไทยเกี่ยวกับผ้าอนามัย เฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร ขนาดตัวอย่างที่สำรวจมีจำนวน 300 ตัวอย่าง ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบมีระบบ รวมทั้งทำการสัมภาษณ์ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของบริษัทผู้ผลิตและบริษัทตัวแทนจำหน่ายสินค้าผ้าอนามัยเฉพาะยี่ห้อที่สำคัญ ผลที่ได้รับจากการศึกษาทำให้ทราบว่า ผู้บริโภคสตรีไทยจะเริ่มใช้ผ้าอนามัยเป็นครั้งแรกเมื่อมีอายุระหว่าง 14 -16 ปี จำนวนวันของการมีรอบเดือนแต่ละครั้งอยู่ระหว่าง 3 – 4 วัน ปริมาณผ้าอนามัยที่ใช้ต่อรอบเดือน คือ 9 – 10 ชิ้น ผู้บริโภคนิยมซื้อผ้าอนามัยจากร้านค้าปลีกใกล้บ้าน ผ้าอนามัยซึ่งเป็นที่รู้จักและนิยมใช้กันมากที่สุดในปัจจุบันคือ โมเดส (MODESS) เหตุผลสำคัญที่สุดซึ่งผู้บริโภคเลือกใช้ผ้าอนามัยยี่ห้อที่ตนใช้อยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากผลิตภัณฑ์มีความสามารถในการซึมซับไดดี ส่วนสาเหตุที่ทำให้เปลี่ยนตรายี่ห้อของผ้าอนามัยที่ใช้อยู่เดิม เนื่องจากตรายี่ห้ออื่นมีคุณสมบัติพิเศษที่เหนือกว่า อย่างไรก็ตามผู้บริโภคมักนิยมใช้ผ้าอนามัยยี่ห้อที่ใช้อยู่ติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 1 ปี ในการตัดสินใจเลือกตรายี่ห้อผ้าอนามัย ผู้บริโภคจะคำนึงถึงความสามารถในการซึมซับของผ้าอนามัยเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ แบบของผ้าอนามัยซึ่งแบบที่นิยมใช้อย่างแพร่หลาย คือ แบบแถบกาว ส่วนแบบสอดเป็นที่นิยมใช้น้อยมากและลักษณะการใช้เป็นครั้งคราวมากกว่าที่จะใช้ติดต่อกันเป็นประจำ ในด้านราคาของผ้าอนามัยในปัจจุบันมีทั้งผู้ที่เห็นว่ามีความเหมาะสมดีแล้ว และแพงเกินไป โดยผู้บริโภคทั้งสองกลุ่มมีอัตราส่วนใกล้เคียงกันมาก ลักษณะของผ้าอนามัยที่ผู้บริโภคต้องการสำหรับอนาคตต้องมีขนาดหนาพอสมควร เพื่อให้มีเนื้อที่ซึมซับเพียงพอ ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย มีรูปร่างสี่เหลี่ยมปลายมน ผู้บริโภคส่วนมากนิยมผ้าอนามัยที่มีสีขาว และปราศจากกลิ่นหอมพิเศษ หีบห่อบรรจุนิยมหีบห่อสีฟ้า มีขนาดบรรจุ 10 ชิ้นต่อกล่อง ปัญหาที่ผู้บริโภคมักจะประสบจากการใช้ผ้าอนามัย คือ ขนาดพอเหมาะแต่ซึมซับไม่ดีไหลออกด้านข้าง แถบกาวไม่ดี และขนาดหนาหรือบางเกินไป จากการวิเคราะห์ ผู้เขียนมีข้อเสนอแนะคือ ในด้านตัวผลิตภัณฑ์จำเป็นที่ผู้บริหารจะต้องให้ความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องการซึมซับของผ้าอนามัย เพราะเป็นเหตุผลทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจใช้ตรายี่ห้อนั้นอยู่ต่อไป หรือเปลี่ยนตรายี่ห้อ ฝ่ายบริหารควรมีการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐาน และควรเพิ่มลักษณะใหม่ ๆ ให้กับผลิตภัณฑ์เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค และให้ผู้บริโภคหันมาซื้อ ในด้านราคาควรพิจารณาให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ โดยมีการกำหนดราคาแตกต่างกันตามขนาดบรรจุ เพื่อให้ผู้บริโภคมีโอกาสตัดสินใจและเลือกซื้อได้ตามความต้องการ และที่สำคัญควรมีการทดสอบตลาดก่อนวางจำหน่ายจริง ในด้านช่องทางการจำหน่าย ควรมีการกระจายสินค้าไปยังสถานที่ซึ่งจะสามารถอำนวยความสะดวกในการหาซื้อแก่ผู้บริโภค โดยเฉพาะร้านค้าปลีกโดยทั่วไป นอกจากนี้ควรมีการค้นหาช่องทางการจำหน่ายใหม่ ๆ เพื่อให้สินค้าสามารถขายได้มากขึ้น การส่งเสริมการจำหน่ายสามารถกระทำได้หลายวิธี การเลือกใช้การส่งเสริมการจำหน่ายขึ้นอยู่กับโอกาสและช่วงเวลา เช่น การแจกตัวอย่าง การใช้ของแถม การชิงโชค การลดราคา เป็นต้น การโฆษณาและการประชาสัมพันธ์ ก็เป็นสิ่งสำคัญ การโฆษณาควรมีแนวความคิดในการโฆษณาอย่างชัดเจน สื่อโฆษณาที่ควรใช้เป็นสื่อหลัก คือ โทรทัศน์และควรโฆษณาเป็นระยะอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความคุ้นเคย และจดจำตรายี่ห้อได้ การประชาสัมพันธ์ มีส่วนช่วยสร้างความรู้สึกที่ดีต่อสินค้า และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบริษัทผู้ผลิตหรือบริษัทตัวแทนจำหน่ายกับผู้ผลิตโภคกลุ่มเป้าหมายอีกด้วย

Share

COinS