Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การศึกษาความคิดเห็นของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร ที่มีต่อการทำประกันชีวิต

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

A study on consumers' opinions on taking life insurance

Year (A.D.)

1987

Document Type

Thesis

First Advisor

อาทร ติตติรานนท์

Second Advisor

กุณฑลี เวชสาร

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

บริหารธุรกิจ

DOI

10.58837/CHULA.THE.1987.507

Abstract

ธุรกิจประกันชีวิตได้เริ่มเข้ามามีบทบาทอย่างจริงจังในประเทศไทย เมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีรูปแบบในการจัดตั้งเป็นแบบบริษัทจำกัด อยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักงานประกันภัย ปัจจุบันมีอยู่ 12 บริษัท การประกันชีวิตแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ ประเภทสามัญ อุตสาหกรรม และ กลุ่ม จาก 3 ประเภทยังสามารถแบ่งออกเป็น 4 แบบ คือ แบบชั่วระยะเวลา แบบตลอดชีพ แบบสะสมทรัพย์ และ แบบเงินได้ประจำ โดยหลักการคำนวณเบี้ยประกันชีวิตของแต่ละแบบ ต้องอาศัยองค์ประกอบ 3 ประการ คือ อัตรามรณกรรม อัตราดอกเบี้ย และค่าใช้จ่าย ในการขายสินค้าหรือแบบประกันต่างๆบริษัทประกันชีวิตมีการจัดระบบตัวแทนประกันภัยชีวิตหรือให้นายหน้าประกันชีวิตเป็นผู้ชักชวนผู้บริโภคให้ซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตจากบริษัทเท่าที่ผ่านมาการเจริญเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร ทั้งนี้อาจมีสาเหตุมาจากขาดการศึกษาถึงความต้องการของผู้บริโภค ผู้บริโภคมีกำลังซื้อไม่เพียงพอและยังขาดความรู้ความเข้าใจในหลักการประกันชีวิต ทำให้ไม่สนใจและไม่เห็นความจำเป็นในการทำประกันชีวิต ดังนั้น การศึกษาถึงความคิดเห็นของผู้บริโภคในวิจัยครั้งนี้ จึงเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยหาแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว การเก็บข้อมูลทำจากผู้บริโภค 2 กลุ่ม คือ ลูกค้าหรือผู้บริโภคที่ทำประกันชีวิตแล้ว และผู้บริโภคทั่วไปที่ยังไม่ได้ทำประกันชีวิตผลจากการวิจัยพบว่า ส่วนใหญ่ผู้บริโภคซื้อกรมธรรม์จากตัวแทนประกันชีวิต เนื่องากพอใจในคำชี้แจงถึงผลจะได้รับ เหตุจูงใจที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจทำประกันชีวิตคือต้องการความปลอดภัยสำหรับตัวเองและครอบครัว สาเหตุที่ยกเลิกการทำประกันชีวิต คือการชำระเบี้ยประกันเป็นภาระที่หนักเกินไป นอกจากนี้ผู้ที่ได้ทำประกันชีวิตไว้แล้วส่วนใหญ่ไม่คิดที่จะซื้อกรมธรรม์เพิ่มอีกเพราะไม่เห็นความจำเป็น ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผู้บริโภคโดยทั่วไปยังไม่คิดที่จะทำประกันชีวิตเป็นเพราะยังไม่เห็นความจำเป็นสำหรับตัวเองและครอบครัว แต่ถ้าหากคิดจะทำประกันชีวิตจะเลือกซื้อกรมธรรม์จากบริษัทโดยตรงมากกว่า เนื่องมาจากความไม่ไว้วางใจในตัวแทน ในเรื่องของความคิดเห็นด้านการทำประกันชีวิต ผู้บริโภคทั้งสองกลุ่มเห็นว่าการทำประกันชีวิต คือ ความมั่นคงปลอดภัยทำให้ครอบครัวมีหลักประกัน ในด้านบริษัท ผู้บริโภคที่ทำประกันชีวิตแล้ว เห็นว่าบริษัทประกันชีวิตมีฐานะมั่นคง แต่สำหรับผู้บริโภคที่ยังไม่ได้ทำประกันชีวิตกลับเห็นว่าบริษัทประกันชีวิตชอบเอาเปรียบลูกค้าในการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ในด้านตัวแทนประกันชีวิต ผู้บริโภคที่ทำประกันชีวิตเห็นว่าเป็นอาชีพที่ช่วยสร้างสวัสดิการในสังคม แต่กลุ่มที่ไม่ได้ทำประกันชีวิตกลับเห็นว่าตัวแทนประกันชีวิตทำอาชีพนี้เป็นเพียงงานอดิเรกเท่านั้น ในด้านสิ่งควรจะปรับปรุงในธุรกิจประกันชีวิต ผู้บริโภคทั้ง 2 กลุ่ม เห็นว่าควรจะปรับปรุงทุกด้านโดยให้ข้อเสนอแนะที่สำคัญในแต่ละด้านคือให้ตัวแทนประกันชีวิตทำงานเต็มเวลา มีความจริงใจ อธิบายรายละเอียดไม่ปกปิดข้อเท็จจริงตลอดจนให้บริการสม่ำเสมอ ลดอัตราเบี้ยประกันชีวิตให้ถูกลงกว่าเดิม ให้มีแบบของการประกันมากขึ้น ให้บริษัทปรับปรุงการบริหารงานทั้งภายในและภายนอก เช่น ปรับปรุงการจ่ายค่าสินไหมทดแทนและการสร้างภาพพจน์ให้ดีกว่าเดิม และสุดท้ายคือต้องการให้รัฐบาลเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการควบคุม ดูแลออกกฏหมายเพิ่มเติมในเรื่องการลดหย่อนค่าภาษี การลงโทษผู้ที่กระทำผิดในธุรกิจประกันชีวิต กำหนดให้นายจ้างทำประกันชีวิตให้แก่ลูกจ้าง จากผลที่ได้จากการวิจัย ประกอบกับประสบการณ์ของผู้เขียน มีข้อเสนอแนะดังนี้ 1. ด้านบริษัท ควรนำหลักการทางการตลาดเข้ามาใช้ให้มากขึ้นกว่าเดิมโดยเฉพาะในเรื่องการตัดสินใจในส่วนผสมทางการตลาด คือ ก. การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ควรมีการวิจัยความต้องการของผู้บริโภคและคำนึงถึงอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมีการสอบก่อนออกตลาดจริง ข. ควรพิจารณาว่าส่วนประกอบในการบริการมีอะไรบ้าง เรียงตามลำดับความสำคัญ เพื่อพัฒนาระดับบริการให้มีคุณภาพ และมีหลายรูปแบบให้ลูกค้าเลือก ตลอดจนปรับปรุงแผนกบริการลูกค้า ให้สามารถทำหน้าที่รับคำวิจารณ์มาปรับปรุงกิจการ มีการบริการสินเชื่อช่วยทางด้านกำลังเงินแก่ลูกค้า และเผยแพร่ข้อมูลตลอดจนตอบข้อซักถามแก่ลูกค้าได้ ค. ในการคำนวณการเปลี่ยนแปลงอัตราเบี้ยประกัน ควรมีการคำนึงถึงผลกระทบจากผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เช่นลูกค้า ตัวแทน คู่แข่ง รัฐบาล และผู้บริหารบริษัท เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นในภายหลัง ง. มีการพิจารณาคัดเลือกตัวแทนให้ได้คุณภาพ หาวิธีการกระตุ้นให้มีการทำงานอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ลดอัตราการหมุนเวียนของตัวแทน และพยายามขยายสาขาให้มากขึ้น เพื่อสะดวกในการติดต่อกับลูกค้า จ. ในการส่งเสริมการจำหน่าย ควรให้มีการโฆษณาเพิ่มขึ้นเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ารู้จักและตัดสินใจ เป็นการปูทางให้ตัวแทนประกันชีวิตเข้าไปพบลูกค้า เพื่อขายกรมธรรม์ประกันชีวิตได้สะดวกขึ้น ทำการประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลข่าวสาร และสร้างภาพพจน์บริษัทโดยการเข้าไปมีส่วนร่วมในสังคม ตลอดจนมีการส่งเสริมการขายเป็นระยะเช่นจัดนิทรรศการ แจกของขวัญเมื่อทำประกันชีวิต 2. ด้านรัฐบาล ควรมีนโยบายที่แน่นอน มีการประสานงานกับบริษัทต่าง ๆร่วมมือกันทำการประชาสัมพันธ์ โดยอาศัยหน่วยงานที่รัฐบาลมีอยู่แล้วทั่วประเทศ บรรจุหลักสูตรวิชาประกันภัยให้เป็นวิชาบังคับ เพิ่มจำนวนเงินเบี้ยประกันที่สามารถนำไปหักเป็นค่าลดหย่อนได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งปรับปรุงกฏระเบียบต่างๆให้ทันต่อเหตุการณ์และควบคุมให้บริษัทประกันชีวิตดำเนินงานไปได้อย่างมั่นคง เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นและศรัทธา

Share

COinS