Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การศึกษาปัญหาเกี่ยวกับกระบวนการบริหารโรงเรียนคาทอลิก อัครสังฆมณฑลกรุงเทพมหานคร

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

The study of problems relating to management process of catholic schools under the supervision of Bangkok archdiocese

Year (A.D.)

1987

Document Type

Thesis

First Advisor

ณัฐนิภา คุปรัตน์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

บริหารการศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1987.237

Abstract

วัตถุประสงค์ของการวิจัย เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและปัญหาเกี่ยวกับกระบวนการบริหารโรงเรียนคาทอลิกอัครสังฆมณฑลกรุงเทพมหานคร วิธีดำเนินการวิจัย ประชากรและกลุ่มตัวอย่างประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหารและครูผู้สอนของโรงเรียนมัธยมศึกษาคาทอลิก อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ เขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีจำนวน 13 โรงเรียน ประชากรได้แก่ผู้บริหารซึ่งประกอบด้วย ผู้จัดการ และครูใหญ่ จำนวน 19 คน ส่วนกลุ่มตัวอย่างประชากรได้แก่ครูผู้สอนซึ่งประกอบด้วย หัวหน้าฝ่าย หัวหน้าหมวด และ ครูสอนรายวิชา จำนวน 260 คน รวมประชากรและกลุ่มตัวอย่างประชากรที่ใช้ในการวิจัยทั้งสิ้น จำนวน 279 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย มี 3 ประเภทคือ แบบสัมภาษณ์อย่างมีโครงสร้าง ใช้สัมภาษณ์ผู้บริหาร แบบสอบถาม ใช้สอบถามครูผู้สอน เป็นแบบมาตราส่วนประเมินค่า และการวิเคราะห์เอกสาร แบบสัมภาษณ์ใช้สัมภาษณ์ผู้บริหารจำนวน 17 คน คิดเป็นร้อยละ 89.47 และแบบสอบถามส่งให้ครูผู้สอนจำนวน 260 ฉบับ ได้รับคืนในสภาพที่สมบูรณ์ จำนวน 252 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 96.92 การวิเคราะห์ข้อมูล วิเคราะห์โดยการหาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าสส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สรุปผลการวิจัย การศึกษาปัญหาเกี่ยวกับกระบวนการบริหารโรงเรียนคาทอลิก อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ เขตกรุงเทพมหานคร ในเรื่อง การวางแผน การจัดองค์การ การบริหารบุคคล การอำนวยการ การประสานงาน การรายงาน และ การงบประมาณ ซึ่งเป็นกระบวนการบริหารตามแนวความคิดของ กูลิค (Gulick 1937 : 13) โดยสรุปผลได้ดังนี้ จากการสัมภาษณ์ผู้บริหารและการวิเคราะห์เอกสาร พบว่า 1. การวางแผน โรงเรียนมีการกำหนดนโยบายการจัดการศึกษาขึ้นเองอย่างชัดเจน โดยเน้นที่การพัฒนาทางด้านคุณภาพการเรียนการสอน คุณธรรม จริยธรรม และ ระเบียบวินัย การปฏิบัติตามนโยบาย ทำได้ทุกประการเป็นส่วนใหญ่ มีการทำแผนปฏิบัติการประจำปีทุกโรงเรียน ส่วนแผนระยะยาว มีทำเป็นส่วนน้อย การทำแผนนั้นผู้จัดการและครูใหญ่ เป็นผู้จัดทำเองเป็นส่วนใหญ่ นอกนั้น ทำโดยคณะกรรมการบริหารโรงเรียน ปัญหาในด้านการทำแผน คือ บุคลากรขาดความรู้ความเข้าใจและไม่ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงานตามแผน 2. การจัดองค์การ ทุกโรงเรียนมีการกำหนดโครงสร้างการบริหารไว้ โรงเรียนมีคณะกรรมการบริหารโรงเรียนที่ประกอบด้วย ผู้รับใบอนุญาต ผู้จัดการ ครูใหญ่ และ หัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ เป็นส่วนใหญ่ ปัญหาที่พบในการจัดองค์การคือ เกิดความซ้ำซ้อนในหน่วยงานหรือฝ่ายต่าง ๆ ผู้ที่ได้รับการมอบหมายอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ มิได้ปฏิบัติตามที่ได้รับมอบหมาย 3. การบริหารบุคคล ทุกโรงเรียนมีการวางแผนกำลังคน แต่ยังไม่เป็นระบบการสรรหาบุคคลใช้วิธีการสอบ สัมภาษณ์ และทดลองปฏิบัติงาน ปัญหาทางด้านบุคลากร พบว่ามีปัญหาอยู่บ้างคือ บุคลากรไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ให้ตรงกับที่ได้รับมอบหมาย บุคลากรไม่เต็มใจไปรับการอบรม 4. การอำนวยการ ทุกโรงเรียนมีการตัดสินใจโดยผู้บริหารเองเป็นส่วนใหญ่ และมอบอำนาจให้ผู้บริหารระดับรองลงมา เป็นผู้ตัดสินใจ เป็นอันดับรองลงมา ปัญหาในการอำนวยการพบว่า ที่มีปัญหาอยู่บ้างคือ การสั่งการไม่ชัดเจน ผู้บริหารไม่มีเวลาในการควบคุมการปฏิบัติงานของบุคลากร 5. การประสานงาน ทุกโรงเรียนมีวิธีการประสานงานโดย ผู้บริหารทำหน้าที่ประสานงานกับบุคลากรโดยตรงเป็นส่วนใหญ่ รองลงมา ประสานงานโดยผ่านทางหัวหน้างาน ปัญหาในด้านการะสานงาน พบว่า ทำได้ไม่ทั่วถึง และการสื่อสารไม่ถูกต้องและชัดเจน 6. การรายงาน ทุกโรงเรียนมีการรายงานโดยการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร และรายงานด้วยวาจา ปัญหาในด้านการรายงานพบว่า มีการรายงานไม่ชัดเจน ไม่ถูกต้องตรงกับความเป็นจริง 7. การงบประมาณ ทุกโรงเรียนมีวิธีการจัดทำงบประมาณโดยจัดตามความจำเป็นและเหมาะสมเป็นส่วนใหญ่ ปัญหาในด้านการงบประมาณ พบว่า ฝ่ายหรือหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ได้เสนองบประมาณ การใช้งบประมาณเกินจากที่ขออนุมัติ และการควบคุมการใช้งบประมาณไม่ทั่วถึง จากการตอบแบบสอบถามของครูผู้สอน พบว่า กระบวนการบริหาร ทั้ง 7 ด้านมีปัญหาอยู่ในระดับน้อย

Share

COinS