Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การศึกษาเปรียบเทียบต้นทุนและผลตอบแทน จากการทำฟาร์มเลี้ยงปลา ฟาร์มเลี้ยงเป็ด และฟาร์มเลี้ยงปลาและเป็ดแบบผสมผสาน ในจังหวัดนครปฐม
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Comparative study of cost and return on investment of fish, buck and fish cum duck frams in Nakhonpathom province
Year (A.D.)
1987
Document Type
Thesis
First Advisor
กำธร แก้วไพฑูรย์
Second Advisor
ดวงมณี โกมารทัต
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
บัญชีมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
การบัญชี
DOI
10.58837/CHULA.THE.1987.533
Abstract
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะศึกษาและเปรียบเทียบต้นทุนและผลตอบแทนจากการลงทุนทำฟาร์มเลี้ยงปลาและเป็ดแบบผสมผสาน และการทำฟาร์มเฉพาะอย่าง ซึ่งได้แก่ฟาร์มเลี้ยงเป็ดและฟาร์มและฟาร์มเลี้ยงปลา ตลอดจนศึกษาถึงปัญหาและอุปสรรคในการทำฟาร์มเลี้ยงปลาและเป็ดแบบผสมผสาน โดยได้ทำการศึกษาในเขตจังหวัดนครปฐม ข้อมูลที่ทำการศึกษาครั้งนี้ได้จากการสัมภาษณ์เกตรตรผู้เลี้ยงเป็ด ผู้เลี้ยงปลา และผู้ทำฟาร์มเลี้ยงปลาและเป็ดแบบผสมผสาน อย่างละ 15 ตัวอย่าง รวมทั้งสิ้น 45 ตัวอย่าง โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) และขนาดของฟาร์มแต่ละประเภทจัดแบ่งเป็น 3 ขนาดคือ ฟาร์มขนาดเล็ก มีเนื้อที่บ่อปลาตั้งแต่ 2-4 ไร่ และมีการเลี้ยงเป็ดตั้งแต่ 1,000-2,000 ตัว ฟาร์มขนาดกลาง มีเนื้อที่บ่อมากกว่า 4-10 ไร่ และมีการเลี้ยงเป็ดมากกว่า 2,000-5,000 ตัว และฟาร์มขนาดใหญ่มีเนื้อที่บ่อมากกว่า 10 ไร่ขึ้นไป และมีการเลี้ยงเป็ดมากกว่า 5,000 ตัวขึ้นไป ทั้งนี้จะทำการคัดเลือกฟาร์มตัวอย่างของฟาร์มแต่ละประเภทขนาดละ 5 ฟาร์ม ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นข้อมูลตั้งแต่เดือนมกราคม 2528 ถึงเดือนมิถุนายน 2529 ผลการศึกษาปรากฏว่า ในระหว่างเดือนมกราคม 2528 ถึงเดือนมิถุนายน 2529 เกตรกรผู้ทำฟาร์มเลี้ยงเป็ด ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ มีเงินทุนเฉลี่ยฟาร์มละ 129,279.93, 315,550.20 และ 717,027.73 บาท ตามลำดับ รายได้เฉลี่ยฟาร์มละ 690,742.49, 1,420,538.83 และ 3,955,541.66 บาท หรือเฉลี่ยตัวละ 448.53, 449.54 และ 450.96 บาท ตามลำดับ ต้นทุนการผลิตเฉลี่ยฟาร์มละ 767,213.03, 1,551,670.25 และ 4,002,270.37 หรือเฉลี่ยตัวละ 498.19, 491.14 และ 451.72 บาท ตามลำดับ ทำให้เกิดผลขาดทุนเฉลี่ยฟาร์มละ 76,470.54, 131,131.42 และ 6,728.71 บาท หรือเฉลี่ยตัวละ 49.66, 41.50 และ 0.76 บาท ตามลำดับ เกษตรกรผู้ทำฟาร์มเลี้ยงปลาขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ มีเงินลงทุนเฉลี่ยฟาร์มละ 159,331.25, 261,296.30 และ 381,462.14 บาท หรือเฉลี่ยไร่ละ 49,791.02, 36,291.15 และ 22,979.65 บาท ตามลำดับ รายได้เฉลี่ยฟาร์มละ 76,341.60, 193,078.80 และ 363,115.40 บาท หรือเฉลี่ยไร่ละ 23,856.75, 26,816.50 และ 21,874.43 บาท ตามลำดับ ต้นทุนการผลิตเฉลี่ยฟาร์มละ 122,534.69, 208,701.06 และ 379,414.77 บาท หรือเฉลี่ยไร่ละ 38,292.11, 28,986.27 และ 22,856.31 บาท ตามลำดับ ทำให้เกิดผลขาดทุนเฉลี่ยฟาร์มละ 46,193.09, 15,662.26 และ 16,299.37 บาท หรือเฉลี่ยไร่ละ 14,435.36, 2,169.77 และ 981.88 บาท ตามลำดับสำหรับเกษตรกรผู้ทำฟาร์มเลี้ยงปลาและเป็ดแบบผสมผสาน ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ มีเงินลงทุนเฉลี่ยฟาร์มละ 134,794.53, 206,896.67 และ 1,116,236.40 บาท รายได้เฉลี่ยฟาร์มละ 638,014.58, 1,564,227.60 และ 6,398,982.10 บาท ต้นทุนการผลิตเฉลี่ยฟาร์มละ 690,515.94, 1,575,998.51 และ 6,203,846.21 บาท ตามลำดับ ทำให้ฟาร์มขนาดเล็ก และขนาดกลาง เกิดผลขาดทุนเฉลี่ยฟาร์มละ 52,501.36 และ 11,770.91 บาท ส่วนฟาร์มขนาดใหญ่มีผลกำไรเฉลี่ยฟาร์มละ 195,135.89 บาท เมื่อปันส่วนต้นทุนของฟาร์มผสมผสานให้กับการเลี้ยงเป็ดและการเลี้ยงปลา ปรากฏว่า การเลี้ยงเป็ดของฟาร์มขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ มีเงินลงทุนเฉลี่ยฟาร์มละ 97,831.20, 164,296.00 และ 1,044,615.40 บาท ตามลำดับ รายได้เฉลี่ยฟาร์มละ 580,865.98, 1,401,465.60 และ 6,032,979.30 บาท หรือเฉลี่ยตัวละ 453.80, 427.28 และ 430.93 บาท ตามลำดับ ต้นทุนการผลิตเฉลี่ยฟาร์มละ 660,337.69, 1,518,061.62 และ 6,076,065.87 บาท หรือเฉลี่ยตัวละ 515.91, 462.82 และ 434.02 บาท ตามลำดับ ทำให้เกิดผลขาดทุนเฉลี่ยฟาร์มละ 79,471.71, 116,596.02 และ 43,086.57 บาท หรือเฉลี่ยตัวละ 62.11 | 35.54 และ 3.09 บาท ตามลำดับ การเลี้ยงปลาของฟาร์มขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ มีเงินลงทุนเฉลี่ยฟาร์มละ 36,963.33, 42,600.67 และ 71,621.00 บาท หรือเฉลี่ยไร่ละ 10,871.57, 6,871.08 และ 3,850.59 บาท ตามลำดับ รายได้เฉลี่ยฟาร์มละ 57,148.60, 162,762.00 และ 366,002.80 บาท หรือเฉลี่ยไร่ละ 16,808.41, 26,251.93 และ 19,677.57 บาท ตามลำดับ ต้นทุนการผลิตเฉลี่ยฟาร์มละ 30,180.25 | 52,936.89 และ 12,780.34 บาท หรือเฉลี่ยไร่ละ 8,876.55, 8,538.20 และ 6,869.89 บาท ตามลำดับ ทำให้เกิดผลกำไรเฉลี่ยฟาร์มละ 26,968.35, 109,825.11 และ 238,222.34 บาท หรือเฉลี่ยไร่ละ 7,931.86, 17,713.73 และ 12,807.68 บาท ตามลำดับ สาเหตุสำคัญที่ทำให้การทำฟาร์มเลี้ยงปลาและเป็ดแบบผสมผสานและการทำฟาร์มเฉพาะอย่างประสบผลขาดทุนเนื่องจากได้นำต้นทุนค่าเสียโอกาส อันได้แก่ ค่าแรงงานในครัวเรือน ค่าเช่าที่ดิน และค่าดอกเบี้ยเงินทุนส่วนตัวมาคำนวณต้นทุนด้วย จึงทำให้ต้นทุนการทำฟาร์มเลี้ยงปลาและเป็ดแบบผสมผสานและการทำฟาร์มเฉพาะอย่างค่อนข้างสูง เมื่อเปรียบเทียบต้นทุนการผลิตต่อตัว (เป็ด) และต่อไร่ จะพบว่า การทำฟาร์มเลี้ยงปลาและเป็ดแบบผสมผสานขนาดเล็กจะมีต้นทุนการผลิตสูงกว่าฟาร์มเลี้ยงเป็ดตัวละ 17.72 บาท ส่วนฟาร์มขนาดกลางและขนาดใหญ่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าฟาร์มเลี้ยงเป็ดตัวละ 28.22 และ 17.70 บาท และต้นทุนการผลิตของฟาร์มขนาดเล็กและขนาดกลางและขนาดใหญ่ต่ำกว่าฟาร์มเลี้ยงปลาไร่ละ 29,415.56, 20,448.07 และ 15,986.42 บาท ตามลำดับ และผลตอบแทนจากการลงทุนเมื่อไม่นำต้นทุนค่าเสียโอกาสมาคำนวณต้นทุนการผลิตจะสูงกว่าฟาร์มเลี้ยงเป็ดเฉลี่ย ร้อยละ 13.87, 35.53 และ 15.82 และสูงกว่าฟาร์มเลี้ยงปลาเฉลี่ยร้อยละ 8.44, 18.50 และ 33.88 ตามลำดับปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญในการทำฟาร์มเลี้ยงปลาและเป็ดแบบผสมผสาน คือ ปัญหาการเลี้ยงปลาร่วมกับการเลี้ยงเป็ดไม่เป็นไปตามอัตราส่วนที่เหมาะสม ปัญหาเรื่องปลามีอัตราการแพร่พันธุ์เร็ว ทำให้ปริมาณปลาในบ่อหนาแน่นเกินไป ปัญหาเรื่องราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์มีราคาขึ้นลงไม่แน่นอน ปัญหาเป็ดรุ่นมีราคาสูง ปัญหาไข่เป็ดมีราคาต่ำ ปัญหาพ่อค่าคนกลางกดราคาขาย และปัญหาขาดแคลนเงินทุน เป็นต้น ปัญหาเหล่านี้มีผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ทำฟาร์มเลี้ยงปลาและเป็ดแบบผสมผสาน และผู้เกี่ยวข้องในการพัฒนาอาชีพนี้ต่อไป ในการแก้ปัญหาผู้เขียนมีข้อเสนอแนะดังนี้ 1. ข้อเสนอแนะสำหรับเกษตรกรผู้ทำฟาร์มเลี้ยงปลาและเป็ดแบบผสมผสาน 1.1 เกษตรกรผู้ทำฟาร์มเลี้ยงปลาและเป็ดแบบผสมผสานควรนำวิทยาการสมัยใหม่มาใช้ปรับปรุงการทำฟาร์มผสมผสาน เช่น การคัดเลือกพันธุ์เป็ดและพันธุ์ปลา และการจัดสัดส่วนการเลี้ยงปลาให้สมดุลกับจำนวนเป็ดและสัมพันธ์กับเนื้อที่บ่อปลา เป็นต้น 1.2 เกษตรกรผู้ทำฟาร์มเลี้ยงปลาและเป็ดแบบผสมผสานควรหาทางลดค่าอาหารเป็ด เช่น ใช้วัตถุดิบทีมีราคาต่ำแทนวัตถุดิบที่มีราคาแพงโดยที่มีคุณภาพหรือคุณค่าทัดเทียมกัน และการคิดสูตรอาหารเป็ดที่มีต้นทุนต่ำ แต่ให้มีปริมาณโปรตีนตามที่เป็ดต้องการ 1.3 เกษตรกรผู้ทำฟาร์มเลี้ยงปลาและเป็ดแบบผสมผสานควรมีการจัดตั้งกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาและเป็ด เพื่อจะได้มีอำนาจต่อรองกับพ่อค้าคนกลางมากยิ่งขึ้น 1.4 ในการขยายการผลิตนั้น เกษตรกรผู้ทำฟาร์มเลี้ยงปลาและเป็ดแบบผสมผสาน ควรจะพิจาณาเพิ่มปัจจัยการผลิต ได้แก่ จำนวนแรงงาน ค่าอาหารเป็ดให้มีจำนวนที่ได้สัดส่วนกับจำนวนเป็ดที่เลี้ยงและขนาดเนื้อที่บ่อที่ขยายเพิ่มเติมออกไป 2. ข้อเสนอแนะสำหรับภาครัฐบาล 2.1 รัฐบาลควรช่วยเหลือด้านเงินทุน โดยให้เกษตรกรผู้ทำฟาร์มเลี้ยงปลาและเป็ดแบบผสมผสานกู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ระยะเวลาคืนเงินกู้ยาวนานพอสมควร มีระยะเวลาปลอดหนี้ในช่วงการกู้ยืมระยะแรก รวมทั้งการให้ความสะดวกรวดเร็วในการกู้ยืมด้วย 2.2 รัฐบาลควรให้ความช่วยเหลือทางด้านวิชาการ โดยทำการศึกษาถึงปริมาณมูลเป็ดสูงสุดต่อวันเพื่อให้อาหารปลาในอัตราการปล่อยปลาต่างๆ กัน โดยที่ปลาไม่เป็นอัตรายและศึกษาถึงอัตราการเปลี่ยนอาหารเป็นเนื้อปลาจากมูลเป็ดของปลาแต่ละชนิด เพื่อนำมาพิจารณาอัตราการปล่อยปลาที่เหมาะสมต่อไป 2.3 รัฐบาลควรเข้ามาให้ความช่วยเหลือทางด้านราคาไข่เป็ดและราคาปลาโดยมุ่งไปในแนวทางที่จะช่วยให้ราคามีเสถียรภาพและเป็นธรรมแก่ผู้เลี้ยง และช่วยเหลือเกี่ยวกับการลดต้นทุนการเลี้ยง เช่น ให้ความช่วยเหลือด้านอาหารและสูตรอาหาร นอกจากนี้ควรปรับปรุงระบบกลไกการตลาดให้มีอำนาจในการต่อรองของผู้เลี้ยงให้มากขึ้น ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาการทาฟาร์มเลี้ยงปลาและเป็ดแบบผสมผสานดังกล่าว ถ้าไดรับการแก้ไขและได้รับความร่วมืออย่างดีพร้อมทุกฝ่ายแล้ว จะทำให้การทำฟาร์มเลี้ยงปลาและเป็ดแบบผสมผสานสามารถพัฒนากลายเป็นอาชีพหลักอาชีพหนึ่งของประชาชนต่อไป และจะทำให้ผลกำไรจากการทำเกษตรของเกษตรกรสูงขึ้นอีกด้วย
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
หร่มระฤก, ศิริรัก, "การศึกษาเปรียบเทียบต้นทุนและผลตอบแทน จากการทำฟาร์มเลี้ยงปลา ฟาร์มเลี้ยงเป็ด และฟาร์มเลี้ยงปลาและเป็ดแบบผสมผสาน ในจังหวัดนครปฐม" (1987). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 46344.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/46344