Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
ต้นทุนและผลตอบแทนจากจากลงทุนทำสวนท้อ ณ ดอยอ่างข่าง
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Cost and return on investment in peach plantation at Doi Angkhang
Year (A.D.)
1987
Document Type
Thesis
First Advisor
สืบศักดิ์ นวจินดา
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
บัญชีมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
การบัญชี
DOI
10.58837/CHULA.THE.1987.521
Abstract
ท้อเป็นไม้ผลที่สามารถปลูกได้ผลดีในระดับความสูง 1,000-1,6000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เดิมประเทศไทยมีแต่ท้อพื้นเมืองซึ่งมีผลขนาดเล็ก รสไม่อร่อย ต่อมาได้มีการนำท้อพันธุ์ต่างๆ จากต่างประเทศมาปลูกโดยใช้ต้นตอท้อพื้นเมือง ทำให้ได้ผลท้อที่มีขนาดใหญ่ รสหวาน และจำหน่ายได้ในราคาที่ดีกว่าท้อพื้นเมือง วิทยานิพนธ์เรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนจากการลงทุนในสวนท้อพื้นเมืองและสวนท้อพันธุ์ที่บ้านหลวง ดอยอ่างขาง เชียงใหม่ เนื่องจากสวนท้อพันธุ์มีจำนวนต้นท้อสูงสุด 500 ต้น และอายุท้อสูงสุด 8 ปี การศึกษาจึงทำเฉพาะสวนท้อที่มีจำนวนท้อไม่เกิน 500 ต้น อายุท้อไม่เกิน 8 ปี เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่ปลูกท้อกระจายตามภูเขาจึงทำการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนต่อจำนวนต้นท้อแทนการศึกษาต่อจำนวนพื้นที่ การวิเคราะห์ผลตอบแทนต่อจำนวนต้นท้อแทนการศึกษาต่อจำนวนพื้นที่ การวิเคราะห์ผลตอบแทนใช้วิธีระยะเวลาคืนทุน มูลค่าปัจจุบันสุทธิ และอัตราผลตอบแทนภายใน ราคาขายใช้ราคาตลาด เฉลี่ยต่อกิโลกรัมท้อพื้นเมืองราคากิโลกรัมละ 4.41 บาท ท้อพันธุ์ราคากิโลกรัมละ 21.66 บาท ผลจากการศึกษาสวนท้อพื้นเมืองจำนวน 100 ต้น ต้นทุนการทำสวนท้อเท่ากับ 17,191.25 บาท กำไรสะสม 14,257.73 บาท ระยะเวลาคืนทุน 4 ปี 8 เดือน อัตราผลตอบแทนภายใน 89.32 เปอร์เซ็นต์ สวนท้อพันธุ์จำนวน 100 ต้น ต้นทุนการทำสวนท้อ 51,527.87 บาท กำไรสะสม 59,563.01 บาท ระยะเวลาคืนทุน 4 ปี 6 เดือน อัตราผลตอบแทนภายใน 78.50 เปอร์เซ็นต์ การลงทุนในสวนท้อพันธุ์เป็นโครงการลงทุนที่น่าสนใจ แม้ว่าสวนท้อพันธุ์จะให้อัตราผลตอบแทนภายในที่ต่ำกว่าสวนท้อพื้นเมือง เนื่องจากการทำสวนท้อพันธุ์ยังอยู่ในระยะเริ่มต้นจึงยังมีโอกาสในการพัฒนาการทำสวนท้อและปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้ดียิ่งขึ้นไปอีกได้ ปัญหาในการทำสวนท้อทั้งสองพันธุ์ได้แก่ การขาดการดูแลรักษาสวนท้อที่ถูกวิธีและสม่ำเสมอ ทำให้ผลผลิตต่อต้นต่ำ ปัญหาอีกประการหนึ่งคือภาชนะบรรจุท้อไม่เหมาะสมกับท้อและสภาพการขนส่งบนภูเขา ตลอดจนสภาพถนนที่เป็นลูกรังลาดยางเป็นบางส่วน จึงทำให้ผลท้อช้ำระหว่างการขนส่ง สำหรับข้อเสนอแนะมีดังนี้คือ ควรส่งเสริมและให้คำแนะนำให้เกษตรกรดูแลรักษาสวนท้อที่ถูกวิธีและสม่ำเสมอซึ่งจะเป็นการเพิ่มผลผลิตต่อต้น การให้ความสำคัญของการทำสวนท้อตั้งแต่การเพาะปลูก การบรรจุ การขนที่เหมาะสม รวมถึงการเพิ่มปริมาณความต้องการของตลาด และรัฐบาลควรเร่งดำเนินการสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือเกษตรกรด้านวิชาการเพื่อให้ชาวไทยภูเขาสนใจการทำสวนท้อแทนการทำไร่ฝิ่น
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
เหลี่ยวรุ่งเรือง, บุษบรรณ, "ต้นทุนและผลตอบแทนจากจากลงทุนทำสวนท้อ ณ ดอยอ่างข่าง" (1987). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 46332.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/46332