Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคงทนในการจำ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จากการใช้ภาพถ่าย ที่ใช้เทคนิคมุมกล้องต่างกัน

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

A comparison of learning achievement and retention of mathayom suksa one students using photography with different types of camera angles

Year (A.D.)

1987

Document Type

Thesis

First Advisor

สุวิมล วัชราภัย

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

โสตทัศนศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1987.157

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลจากการใช้ภาพถ่ายที่ใช้เทคนิคมุมกล้องแบบซับเจคทีฟ และแบบอ็อบเจคทีฟ ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคงทนในการจำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มตัวอย่างประชากรเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2529 จากโรงเรียนปทุมคงคา สังกัดกรมสามัญศึกษาส่วนกลาง จำนวน 100 คน จากจำนวนนักเรียนทั้งหมด 700 คน กลุ่มประชากรได้มาโดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย หลังจากนั้นนำกลุ่มตัวอย่างประชากรทั้งหมดมาแบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดยวิธีการสุ่มอย่างง่ายเช่นกัน จำนวนกลุ่มละ 50 คน เพื่อให้เรียนโดยภาพถ่ายที่ใช้เทคนิคมุมกล้องแบบซับเจคทีฟและแบบอ็อบเจคทีฟภาพถ่ายทั้ง 2 ชุดมีเนื้อหาเรื่องเกี่ยวกันคือเรื่อง การขึ้นรูปทรงเครื่องปั้นดินเผาด้วยวิธีต่างๆ และใช้วิธีเรียนแบบเดียวกันคือ ดูภาพที่มีคำบรรยายประกอบจากแถบบันทึกเสียง แล้วให้ทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทันที จากนั้นเว้นระยะ 2 สัปดาห์ และ 4 สัปดาห์ จึงให้ทำแบบทดสอบอีก 2 ครั้ง เพื่อวัดความคงทนในการจำ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์ค่าที่เพื่อหาค่าความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติของคะแนนเฉลี่ยของทั้งสองกลุ่มการทดลองผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. นักเรียนที่เรียนจากภาพถ่ายที่ใช้เทคนิคมุมกล้องแบบซับเจคทีฟ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าของนักเรียนที่เรียนจากภาพถ่ายที่ใช้เทคนิคมุมกล้องแบบอ็อบเจคทีฟอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 2. เมื่อทำการทดสอบหลังเรียนเสร็จแล้ว 2 สัปดาห์ พบว่านักเรียนที่เรียนจากภาพถ่ายที่ใช้เทคนิคมุมกล้องแบบซับเจคทีฟมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่านักเรียนจากภาพถ่ายที่ใช้เทคนิคมุมกล้องแบบอ็อบเจคทีฟอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 3. เมื่อทำการทดสอบหลังเรียนเสร็จแล้ว 4 สัปดาห์ พบว่า นักเรียนที่เรียนจากภาพถ่ายที่ใช้เทคนิคมุมกล้องแบบซับเจคทีฟ และนักเรียนที่เรียนจากภาพถ่ายที่ใช้เทคนิคมุมกล้องแบบอ๊อบเจคทีฟ มีผลสัมฤทธิ์ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

Share

COinS